กรมการศาสนา ประสานบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ เร่งช่วยผู้แสวงบุญ 22 คน ถูกลอยแพที่หาดใหญ่ เหตุถูกผู้นำกลุ่ม(แซะห์) ทิ้งไป ยัน ขอให้มั่นใจระบบหากลงทะเบียนอย่างถูกต้อง แม้ผู้นำกลุ่มทิ้งแต่บริษัทต้องดูแลแทน

วันที่ 16 ส.ค.59 จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ว่ามีกลุ่มผู้แสวงบุญในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี จำนวน 22 คน ถูกลอยแพที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไม่สามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งทางด้านบริษัทผู้ประกอบการออกมาเปิดเผยว่าสาเหตุมาจาก แซะห์ หรือผู้นำกลุ่มของกลุ่มผู้แสวงบุญทั้ง 22 คนได้ทิ้ง ผู้แสวงบุญไปและได้จ่ายเงินให้บริษัทผู้ประกอบการไม่ครบ โดยค้างเงินอยู่อีกเกือบ 2 ล้านบาทนั้น

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ได้รับทราบกรณีดังกล่าวตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยไม่ได้นิ่งนอนใจและได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เข้าช่วยเหลือผู้แสวงบุญโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นทางกรมการศาสนา ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบข้อเท็จจริงปรากฏ ดังนี้

1.กลุ่มผู้แสวงบุญกลุ่มนี้ เป็นผู้แสวงบุญของบริษัท เอส.ที.อาราเบียน มีกำหนดเดินทางในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 โดยสายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบิน GF 153 เวลา 11.50 น. (ปรากฏตาม สกฮ. 5) คือเป็นผู้ที่มีรายชื่อผู้แสวงบุญที่เดินทาง พร้อมวันเวลาเดินทางไปและกลับในระบบฐานข้อมูลของกรมการศาสนา

2. เจ้าหน้าที่กองส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ได้ประสานบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ของผู้แสวงบุญกลุ่มนี้แล้ว ได้รับการยืนยันว่า ทางบริษัทผู้ประกอบการจะรับผิดชอบนำพาผู้แสวงบุญเดินทางไป จำนวน 19 คน โดยได้จัดให้เดินทางเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา จำนวน 3 คนแล้ว ส่วนอีก 16 คน อยู่ระหว่างผู้แสวงบุญตัดสินใจว่า จะเดินทางไปเมื่อใด ส่วนผู้แสวงบุญอีก 3 คน ที่เป็นครอบครัวของแซะห์ คือ นายราเมศ อนันทปริพงศ์ (ผู้นำกลุ่ม)ที่ทิ้งผู้แสวงบุญไป ทางบริษัทผู้ประกอบการจะไม่รับผิดชอบที่จะพาเดินทางไป

...

3.ทางกรมการศาสนา ได้แจ้งไปยังคณะทำงานประชาสัมพันธ์กิจการฮัจญ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ให้ประสานชี้แจงไปยังผู้ร้องเรียนดังกล่าว ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของกรมการศาสนาแล้ว และขอให้ประสานกับผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ นัดหมายในการเดินทางและอำนวยความสะดวกให้ผู้แสวงบุญที่เหลืออย่างใกล้ชิดทั้งหมดแล้ว ซึ่งกรมการศาสนาอยากให้ผู้แสวงบุญมั่นใจ หากลงทะเบียนผ่านระบบอย่างถูกต้อง แม้ผู้นำกลุ่มหรือแซะห์จะไม่ดูแล ทางบริษัทผู้ประกอบการต้องดูแลแทนและทางกรมการศาสนา จะประสานจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งในเรื่องนี้ได้รายงานข้อมูลในการช่วยเหลือทั้งหมดต่อ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รับทราบแล้ว

ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับทุกภาคส่วน ได้เตรียมความพร้อมทุกด้านแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยทั้งในประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้

1. จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ประจำสนามบินต่างๆ เช่น ที่สุวรรณภูมิ หาดใหญ่ นราธิวาส และภูเก็ต และที่สนามบินเจดดาห์ มะดีนะห์ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ

2.จัดตั้งสำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ที่เมืองมักกะห์ และเมืองมะดีนะห์ เพื่อบริการผู้แสวงบุญชาวไทยและผู้เกี่ยวข้อง

3.จัดส่งคณะเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทุกภาคส่วน รวม 130 คน โดยมีนายอรุณ บุญชุม อะมีรุ้ลฮัจย์ ประจำปี 2559 (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์ไทย) เดินทางไปเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยในประเทศซาอุดีอาระเบีย จนสิ้นสุดเทศกาลฮัจญ์ เพื่อให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมได้ประกอบพิธีฮัจญ์ได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน ตามหลักศาสนา สมดังเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังไว้.