รมว.ยุติธรรม ไม่ห่วงจับ "พระธัมมชโย" ระบุต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เผยบุกจับที่วัดพระธรรมกายรอบ 2 นั้นยังไม่ทราบวันที่แน่ชัด ต้องวางแผนให้รอบคอบ และอย่าไปเจาะจงการนำมาตรการเคอร์ฟิวมาใช้ ส่วนขั้นตอนดำเนินคดี "เณรคำ" ยังอยู่ในกระบวนการตามกฎหมายสหรัฐฯ ทุกฝ่ายต้องน้อมรับคำตัดสินของศาล
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เลื่อนการเชิญพระระดับบริหาร วัดพระธรรมกาย 5 รูป 1.พระราชภาวนาจารย์ หรือพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส ในฐานะรักษาราชการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 2.พระถวัลย์ศักดิ์ 3.พระมหาสมชาย 4.พระครูใบฏีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก และ 5.พระปลัดสุธรรม สุธมโม เข้ามาสอบถามถึงเรื่องการบริหารการเงิน และระบบการจัดการภายในวัดพระธรรมกาย ไปวันที่ 29 ก.ค.และ 4 ส.ค.นี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค.59 ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าทางดีเอสไอรอให้พระระดับสูงวัดพระธรรมกาย 5 รูป เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน และส่งให้อัยการพิจารณาต่อไป นอกนั้นตนเคยพูดไปแล้วทำอะไรก็ต้องทำตามกฎหมาย ตนไม่เคยไปยุ่งกับคดี แต่ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาตนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อันนั้นถึงจะต้องลงไปดูและควบคุม หากผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามกฎหมายและปฏิบัติตามหน้าที่ เราต้องปกป้องในฐานะผู้บังคับบัญชา
"ส่วนเรื่องต้องใช้มาตรการเคอร์ฟิวภายในวัดพระธรรมกายหรือไม่ ถามว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการเคอร์ฟิวเลยเหรอ อย่าไปเจาะจงแบบนั้น เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกันไป ส่วนการเข้าจับกุมที่วัดพระธรรมกายรอบ 2 นั้น ดีเอสไอก็ต้องพิจารณาแผนการดำเนินการให้รอบคอบ เพราะมีตัวอย่างจากครั้งแรกไปแล้ว มีผลกระทบอะไรบ้าง ต้องนำไปคิดและปรับปรุงให้ดี ส่วนจะไปเมื่อไหร่ตนยังไม่ทราบ จริงๆ แล้วคดีพระธัมมชโยเจ้าหน้าที่ก็ทำตามกฎหมายเหมือนคดีอื่นๆ" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
...
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับกุมพระธัมมชโยจะสามารถจับกุมได้ในรัฐบาลยุคนี้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ ตอบกลับว่า ถามแบบนี้แสดงว่าไม่มั่นใจในรัฐบาลหน้าใช่ไหมล่ะ มั่นใจในรัฐบาล คสช.ล่ะสิ อยากให้ คสช.อยู่อีก 10 ปีไหม ถึงถามว่าคดีจะจบในยุคนี้หรือไม่ จริงๆ แล้วอย่าไปคิดว่ามาตรา 44 เป็นของวิเศษ หรือพวกตนเป็นมนุษย์วิเศษ หากประชาชนช่วยกัน ใครทำผิด ใครไม่เคารพกฎหมาย ช่วยกันนำตัวคนผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และกฎหมายประเทศไทยดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ เผยถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวว่า ทางการสหรัฐฯ สามารถจับกุม นายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระภิกษุ ชื่อพระวิรพล ฉัตติโก เรียกตนเองว่าหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก และเป็นที่รู้จักในชื่อเณรคำ ผู้ต้องหาที่ถูกดีเอสไอออกหมายจับ 5 ข้อหา ได้แก่ พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี กระทำชำเราเด็กหญิง ฉ้อโกงประชาชน ความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในปี 56 ได้ที่ย่านริเวอร์ไซด์ อิส ลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ว่าเรื่องคดีเณรคำนั้น เป็นความร่วมมือหลายฝ่ายของทางการไทย ส่วนดีเอสไอเป็นแค่ต้นเรื่อง ทางสหรัฐฯ เห็นว่าผิดก็ดำเนินการจับกุมให้
"ขณะนี้เณรคำอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายของสหรัฐฯ เราต้องเคารพการตัดสินของเขา ซึ่งกระบวนการกฎหมายทางนั้นก็เหมือนกับประเทศไทย ต้องรอดูกันต่อไป" รมว.ยุติธรรม กล่าวทิ้งท้าย.