"บิ๊กเต่า" เผย ยึดที่ดินคืนจากนายทุน 4 แสนไร่ เตรียมจัดสรรแจกจ่ายคนจน โล่ง "เขาใหญ่" รอดมรดกโลกภาวะอันตราย พร้อมเดินหน้าถกพม่าเคลียร์ปมพื้นที่ทับซ้อน "แก่งกระจาน"
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.59 ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานปลูกป่าชายเลน ฟื้นฟูพื้นที่ที่ตรวจยึดคืนเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ใหักับป่าชายเลน พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนที่มาร่วมกิจกรรม โดยมี นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมกิจกรรม
โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ทวงคืนพื้นที่ถูกบุกรุกให้กลับคืนมาเป็นของแผ่นดินได้ประมาณ 400,000 ไร่ทั่วประเทศ โดยพื้นที่บางส่วนจะถูกจัดสรรให้แก่ราษฎรผู้ยากไร้ ส่วนที่เหลือจะได้รับการฟื้นฟู โดยกิจกรรมปลูกป่าครั้งนี้ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนในท้องที่ จ.ชุมพร ได้ร่วมกันปลูกป่าในชุมชนของตนเอง เพื่อสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ หวงแหนในทรัพยากรของชุมชน และเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งเป็นไปอย่างสมดุล
พล.อ.สุรศักดิ์ ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 40 ที่ประเทศตุรกี ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ยังไม่ถูกขึ้นบัญชีมรดกโลกในภาวะอันตรายในปีนี้ ว่า พอใจมาก เพราะก่อนหน้าที่ประเทศไทยจะถูกขึ้นบัญชีดังกล่าว มีการมองกันว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงมากเกินไป เป็นเรื่องเสียหาย ขณะที่ประเทศไทยคิดว่าการรายงานการจับกุมปริมาณมากเป็นเรื่องการเอาใจใส่ ซึ่งมองกันคนละมุม ในที่ประชุมดังกล่าว ประเทศเพื่อนบ้านเราช่วยพูดแทนและสนับสนุนเราดีมาก สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เราต้องการจะผลักดันให้เป็นมรดกโลก แต่ติดขัดตรงที่ประเทศเมียนมา แย้งว่ายังมีพื้นที่ทับซ้อนกันอยู่นั้น ล่าสุด ตนได้นัดหารือกับ รมว.ทรัพยากรของเมียนมา เพื่อเจรจาทำข้อตกลงแล้ว โดยตนจะเดินทางไปเมียนมาในเดือน ก.ย.นี้
...
ด้านนายธัญญา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ปลูกป่าครั้งนี้ กรมอุทยานฯ ได้ยึดคืนจากบริษัทเอกชนที่หมดสัญญาทำสัมปทานบ่อกุ้งตั้งแต่ปี 2547 จึงยึดคืนพื้นที่จำนวน 2,703.55 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด โดยสภาพปัจจุบันพื้นที่ทั่วไปยังเป็นลักษณะของบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ถ้าปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูเองจะใช้เวลานาน เราจึงจัดโครงการนี้ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 64 พรรษา โดยเบื้องต้นได้ร่วมกันปลูกในพื้นที่จำนวน 170 ไร่.