ศาลฎีกาพิพากษาลับหลังจำเลย จำคุก “ขวัญชัย” 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีรุมตี พธม.อุดรฯ เมื่อปี 2551 เหตุผู้ต้องหาหลบหนีไม่มาศาล ภรรยาขวัญชัย เผย สามียังสบายดี อ้าง ประเทศมีประชาธิปไตยเมื่อไหร่จะกลับมารับโทษ 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี นางอาภรณ์ สาราคำ นายกรวีร์ สาราคำ และนายปิ่น ทักษิณ ภรรยา ลูกชาย และทนายความ นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ประธานชมรมคนเสื้อแดง 20 จังหวัด พร้อมด้วยสมาชิกชมรมคนรักอุดร 7 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแดงเลขที่ 2652/255 กรณี กลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี

ทั้งนี้ นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์, นายรังษี ศุภชัยสาคร, นางธันยนันท์ จรัสจิรวงศ์, นายชนะศักดิ์ ผ่องเพลิดพริ้ง, นายแก้ว จันธิชู, น.ส.สุจิรา มีชั้นช่วง และนายรัตนชัย ทองสุข ยื่นฟ้องนายขวัญชัย เป็นจำเลยที่ 1 โดยกล่าวหา “พยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันทำลายทรัพย์สิน” เหตุเกิดวันที่ 24 พฤษภาคม 2551 ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก นายขวัญชัย 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ปรับเงิน 3.5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ตั้งแต่วันเกิดเหตุ นายขวัญชัย ได้ใช้หลักทรัพย์ประกันตัว 5 แสนบาททันที และให้ทนายความยื่นฎีกา แต่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 นายขวัญชัย ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายขวัญชัย และสั่งให้นายประกันไปติดตามตัวมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 มิถุนายน

...

ต่อมา เวลา 11.20 น. หลังฟังคำพิพากษา นางอาภรณ์ นายกรวีร์ และทนายความ ได้เดินออกมาจากห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ 4 โดยนายปิ่น ทักษิณ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้นัดคำฟังพิพากษา โดยที่ออกหมายจับจำเลยไว้ เป็นการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยตามขบวนการพิจารณา โดยไม่มีจำเลยมาฟังคำพิพากษา โดยสรุปว่า จำเลยยังมีความผิดอยู่ ตามที่ฟ้อง แต่ว่าศาลฎีกาได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในบางประเด็น เพื่อให้เหมาะกับความผิด

”โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ศาลฎีกาได้แก้คำพิพากษาเป็นจำคุกจำเลย 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และปรับนายประกัน 5 แสนบาท โดยการพิพากษาให้สมควรแก่โทษที่พิจารณามา ไม่ได้มีเหตุอื่น ศาลฎีกาได้พิจารณารอบคอบแล้ว พิพากษาตามที่ได้สืบกันมาว่าจำเลยมีความผิดในประเด็นใดบ้าง หนักเบาแค่ไหน ศาลฎีกา จึงได้พิพากษาตามที่พยานให้ความมา เห็นว่า ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ พิพากษาสูงเกินไป ส่วนที่จำเลยหลบหนี จะมีอายุความ 20 ปี คำพิพากษาก็ถือว่าปรานีเราอยู่พอสมควร”

ทางด้านนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย สาราคำ เปิดเผยว่า หลังฟังคำตัดสินวันนี้ ถือว่าได้รับความเมตตาจากศาล ที่ลดโทษจำคุกเหลือแค่ 2 ปี จะพยายามติดต่อ และแจ้งนายขวัญชัย ที่ได้รับโทษ 2 ปี หลังหลบหนีไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา ก็ทราบว่า นายขวัญชัย อยู่ในที่ปลอดภัย เพราะได้ติดต่อเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเกิดนายขวัญชัย ได้โทรศัพท์มาออกอากาศที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิร์ตซ์ บอกว่า ยังอยู่สบาย ปลอดภัยดี ไปนั่งสมาธิ แต่ไม่ได้โชว์หมายเลข เมื่อโทรกลับไปก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าโทรมาจากไหน โดยใช้เวลาคุยไม่นานเพราะสัญญาณไม่ดี

”พี่คิดว่าช่วงนี้ถือว่า ยังไม่มีประชาธิปไตย ถ้ามีประชาธิปไตยเมื่อไร คิดว่านายขวัญชัย จะกลับมารับโทษ เพราะพี่คิดว่าตอนนี้ยังไม่มีความยุติธรรม ที่นายขวัญชัยหนีไป ก็เพราะความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเชื่อว่าไม่มีความปลอดภัยและถูกรังแกมากที่สุด” นางอาภรณ์ กล่าวในที่สุด.