ตำรวจ บก.ทท. จับมือตำรวจ สน.สายไหม รวบหนุ่มเจ้าของบริษัททัวร์ ย่านสายไหม สุดแสบ รับกรุ๊ปทัวร์ยุโรป 31 คน 8 วัน พอ ไปถึงกลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงทั้งร้านอาหาร ที่พักล้วนมีปัญหาลูกทัวร์ต้องออกเงินเที่ยวเอง กลับมาถึงเลยรวมตัวแจ้งความเอาผิด ซ้ำร้ายพบประกอบการโดยไม่มีใบอนุญาต เลยโดนแจ้งข้อหาอ่วม

จับเจ้าของบริษัททัวร์เบี้ยวลูกค้า เปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.ศรายุทธ บุญธรรม รอง ผกก.สส.สน.สายไหม แถลงข่าวจับกุมตัวนายกชกร มุสิกะพุกก์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 8-5 แขวงและเขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.544/2559 ลงวันที่ 1 มิ.ย.59 ข้อหาฉ้อโกง จับกุมได้ที่ หจก.มิกซ์ทราเวล เลขที่ 118/25 ซอยสายไหม 6 แยก 3 แขวงและเขตสายไหม กทม.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค. เจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและตำรวจ บก.ทท.เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.สายไหม ว่า หจก.มิกซ์ทราเวล ที่มีนายกชกรเป็นเจ้าของ ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2552 รวมทั้งมีลูกทัวร์แจ้งความเอาผิดกรณีเปลี่ยนโปรแกรมการเดินทาง โรงแรมที่พักรวมทั้งร้านอาหาร โดยไม่ได้แจ้งให้ลูกทัวร์ทราบ ก่อนตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม จับกุมตัวไว้ได้

สอบสวนนายกชกรรับสารภาพว่า ทำงานเกี่ยวกับบริษัททัวร์ต่างประเทศมานับสิบปี ก่อนเกิดเหตุรับกลุ่มทัวร์ 31 คน เดินทางไปเที่ยวยุโรป 3 ประเทศ ในราคา 73,000 บาทต่อคน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอด 8 วัน ต่อมาตนหมุนเงินไม่ทันจึงตัดสินใจยกเลิกที่พักโรงแรมในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอิตาลีจนเกิดปัญหา หลังลูกทัวร์เดินทางกลับถึงประเทศไทย จึงโทร.ไปแจ้งลูกทัวร์บางรายว่าจะชดใช้เงินคืนให้

...

ด้าน น.ส.อรทัย แซ่ตั้ง อายุ 41 ปี 1 ในผู้เสียหาย กล่าวว่า กลุ่มทัวร์ทั้ง 31 คนเดินทางไปเที่ยวยุโรปทั้ง 3 ประเทศ คือประเทศเยอรมนี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอิตาลี รวม 8 วัน เมื่อไปถึงประเทศเยอรมนี ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ต้องย้ายร้านอาหารไม่ได้เป็นตามที่ตกลงไว้ รวมถึงที่พักก็ถูกโรงแรมแจ้งว่าบริษัททัวร์ไม่ได้จ่ายเงินให้ตามที่ตกลงไว้ ตนและสมาชิกกลุ่มทัวร์คิดว่าถูกลอยแพแล้วจึงวางแผนกันเที่ยวต่อให้ครบ ยอมควักเงินตัวเองใช้จ่ายในส่วนค่าที่พัก อาหาร ส่วนตั๋วเครื่องบินยังสามารถใช้เดินทางได้จนถึงประเทศอิตาลี เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยจึงรวมตัวแจ้งเอาผิดข้อหาฉ้อโกงกับนายกชกร ที่ บก.ปคบ.ก่อนเข้าแจ้งความที่ สน.สายไหม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์นี้นายกชกรได้เงินไปกว่า 2,200,000 บาท และสร้างความเสียหายให้กับลูกทัวร์กว่า 400,000 บาท และสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ขอแจ้งเตือนประชาชนว่าขณะนี้มีทัวร์ให้เลือกมากมายตามอินเตอร์เน็ต ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนใช้บริการ กรณีนี้ผู้ต้องหาใช้ช่องทางเฟซบุ๊กเป็นหลักและเสนอราคาถูกกว่าบริษัทอื่น เบื้องต้นตำรวจ สน.สายไหม ดำเนินคดีในข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาตจากนายทะเบียน พร้อมประสานพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.มาอายัดตัว หากพบเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ