“ทำไมผมต้องจ่ายเงินให้ยาย นี่เป็นถนนสาธารณะ ยายมีสิทธิ์อะไรมาเก็บเงินผม” เสียงผู้ชายวัยกลางคนโวยวายใส่ยายที่กำลังเดินเข้ามาเรียกเก็บค่าที่จอดรถ...
ณ ถนนราชินี เลียบคลองหลอด บริเวณหลังสวนสราญรมย์ ถนนวันเวย์เส้นนี้เต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลที่สามารถจอดได้ราวๆ 100 คัน สองข้างทางเลียบฟุตปาทเต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลตลอดแนวไปจนถึงหน้ากรมแผนที่ทหาร โดยฝั่งซ้ายมือติดรั้วสวนสราญรมย์ จอดในลักษณะหันท้ายทะแยงเข้า จนช่วงหัวรถโผล่ออกมาทับเส้นจราจรกลางถนน ขณะที่อีกฟากขวามือเลียบคลองหลอด ก็เต็มไปด้วยรถจอดแนวขนานกับฟุตปาท ซึ่งเท่าที่สังเกตแล้ว ถนนเส้นนี้ไม่ได้ถูกตีเส้นไว้สำหรับจอดรถ แต่เหตุไฉนถึงมีรถเข้ามาจอดเต็มพื้นที่? หากมองเผินๆ พื้นที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นลานจอดรถมากกว่าถนนที่มีไว้สำหรับสัญจรด้วยซ้ำไป...
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ‘ซอซิ่ม’ แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสขับรถไปทำธุระในละแวกเขตพระนคร ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า การวนหาที่จอดรถในบริเวณดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเลียบถนนจราจรส่วนใหญ่ถูกตีเป็นเส้นขาว-แดง และขาว-เหลือง ตลอดแนว... จึงได้แต่ขับวนไปค่ะ วนไป วนไปเรื่อยๆ พอ...หยุด! กระทั่งมาบรรจบพบเจอกับถนนราชินี เส้นวันเวย์ที่กลายเป็นศูนย์รวมแห่งการจอดรถของละแวกคลองหลอดไปเสียแล้ว เมื่อเลี้ยวหัวรถเข้ามาเท่านั้นแหละ จอดปุ๊บ! เด็กโบกรถขอตังค์ปั๊บ!
...
กระทั่งช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 'ซอซิ่ม' ได้กลับไปทำธุระบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง ภาพที่เห็นคือ ยังคงมีการเรียกเก็บเงินเฉกเช่นสองปีที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ทำไมถึงรู้สึกว่า รถจอดกันเป็นระบบและเต็มพื้นที่มากขึ้น ที่สำคัญกลับมีคนยืนโบกรถประจำจุด แบ่งโซนพื้นที่กันโบกและเก็บอย่างชัดเจน!!!!
แน่นอนว่า สิ่งแรกที่ทำให้ ‘ซอซิ่ม’ จุดประเด็นขึ้นมาคือ ถนนเส้นนี้มีการอนุญาตให้เก็บเงินหรือไม่? เหตุไฉนถึงปล่อยให้คนกลุ่มนี้เข้ามาเก็บเงินประชาชนได้? วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เล็งเห็นถึงปัญหา และความไม่ชอบมาพากลของพื้นที่ดังกล่าว จึงต้องหยิบยกขึ้นมาตีแผ่ในทุกประเด็นที่สังคมอยากรู้ ติดตามได้ในซีรีส์เรื่องนี้... ‘เจาะธุรกิจมาเฟียในคราบคนโบกรถ หลังวังสราญรมย์’
“ทำไมต้องจ่าย?” ยิ่งจ่ายเท่ากับยิ่งสนับสนุนขบวนการนี้หรือไม่?
การลงพื้นที่สังเกตการณ์ครั้งแรก ผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึงบริเวณหลังสวนสราญรมย์ เวลา 13.00 น. ได้ยินเสียงผู้ชายกำลังโวยใส่ยายที่คาดว่าเข้ามาเก็บค่าที่จอดรถ “ทำไมผมต้องจ่าย ยายมีสิทธิ์อะไรมาเก็บเงินผม ที่นี่ไม่ใช่ที่ยาย ยายทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง” สิ้นเสียงชายคนนี้ ผู้สื่อข่าวจึงเดินเข้าไปถามไถ่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น...
ชายคนดังกล่าว ไม่ขอเปิดเผยชื่อ-นามสกุล อายุ 43 ปี อาชีพวิศวกร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “ผมเพิ่งเคยเข้ามาจอดรถในบริเวณนี้ครั้งแรก เห็นว่ารถคันอื่นๆ ก็จอดกันได้ จึงเข้ามาจอดบ้าง เมื่อลงจากรถ ยายคนดังกล่าวก็เข้ามาเรียกเก็บค่าที่จอดรถ 40 บาท ซึ่งผมรู้สึกว่าทำไมต้องจ่าย ถ้าเป็นที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า หรือที่จอดรถที่มีใบเสร็จให้ แน่นอนผมยินดีจ่าย แต่พื้นที่แห่งนี้ปล่อยให้มีการเรียกเก็บในลักษณะนี้ได้อย่างไร ผมเองก็ต้องทำมาหากิน เงิน 40 บาท ใช่อยู่ว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่ 40 บาทนี้ ผมสามารถซื้อขนมให้ลูกกินอิ่ม ซึ่งยังดีเสียกว่าต้องเอามาสนับสนุนคนกลุ่มนี้ อีกอย่างการที่ผมไม่จ่ายเงิน บอกตรงๆ ว่า ก็ไม่กล้าจอดรถไว้นานเหมือนกัน เพราะใครจะกล้าการันตีได้ว่ากลุ่มคนพวกนี้ไม่ทำอันตรายกับรถผม เพราะหากรถโดนขีดข่วนผมว่าคงไม่คุ้มเลย”
“แต่การที่เราให้เงินกลุ่มคนเหล่านี้ ก็เท่ากับว่าเราส่งเสริมสนับสนุนให้พวกเขามาเก็บเงินประชาชน ซึ่งผมว่าไม่ถูกต้อง เพราะเท่าที่สังเกตดูถนนเส้นนี้สามารถจอดรถได้เป็นร้อยคัน คิดดูแล้วกันว่าจะได้วันละเท่าไร แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไปไหน ทำไมไม่มาจัดการ ปล่อยให้มีคนเหล่านี้มาเก็บเงินประชาชนได้อย่างไรกัน...” ชายอายุ 43 ปี อาชีพวิศวกร ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว
...
ไม่อยากจ่ายก็ต้องยอม! ประชาชนซื้อความสะดวก รถปลอดภัย
ขณะที่ บางรายบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการเสียที เพราะมีกลุ่มคนเรียกเก็บค่าที่จอดรถมานานเป็นสิบๆ ปี ทุกวันนี้แม้จะมีข้อสงสัยว่าทำไมต้องจ่าย แต่เมื่อเข้ามาทำธุระหาที่จอดรถยาก ก็คงต้องยอมจ่าย เพื่อซื้อความสะดวกและความปลอดภัยของรถอยู่ดี”
หลังจากผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับประชาชนและยืนสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ พบว่า คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาจอดในพื้นที่บริเวณนี้ ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้ามาจอดประจำ เมื่อจอดเสร็จก็ยื่นเงินให้ยายเอง หนึ่งในนั้นคือ ชายวัยกลางคน ไม่ขอเปิดเผยชื่อ-นามสกุล อายุ 49 ปี ให้เหตุผลว่า “ส่วนตัวไม่ได้คิดมากกับการจ่ายเงินค่าที่จอดรถ เพราะมองว่าต่อให้ไปจอดที่ไหน บริเวณใด ก็ต้องจ่ายอยู่ดี อีกอย่างผมเข้ามาทำธุระในบริเวณนี้บ่อยครั้ง ครั้งละนานๆ ด้วย ก็จะมาใช้บริการจอดและฝากรถไว้กับยายเสมอ เพราะสามารถจอดได้ตลอดทั้งวันในราคา 40 บาท ถือว่าเป็นการช่วยเหลือยาย แต่ถ้าเป็นอีกฝั่งที่มีผู้ชายใส่หมวกแก๊ปเดินเก็บ จะเข้ามาถามว่าจอดนานหรือไม่ ถ้าจอดนานเกินครึ่งวัน เขาไม่ให้จอด”
...
เจาะธุรกิจเรียกเก็บเงินค่าที่จอดรถ หลังสวนสราญรมย์
ผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปพูดคุยกับ แหล่งข่าวในพื้นที่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตลอดแนวถนนราชินีเส้นนี้ มีคนโบกอยู่ในพื้นที่ ประมาณ 4-5 คน โดยพื้นที่ที่ล็อกแรก สามารถจอดรถเต็ม 22 คัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เข้ามาจอด จะเป็นรถที่เข้ามาจอดประจำและทำธุระครั้งละนานๆ เราก็ต้องทำหน้าที่ดูแลรถไม่ให้มีร่องมีรอย มาแบบไหนก็ต้องกลับไปแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เก็บเงินคันละเท่าไร? แหล่งข่าว เผยว่า ปกติเริ่มเก็บเงินตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ในอัตราคันละ 40 บาท สามารถจอดได้ทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่มาออกกำลังกายในสวนสราญรมย์ นอกจากนี้ ก็มีเก็บเป็นรายเดือน ในราคา 1,600 บาท อยู่ 2 คัน ซึ่งจะมีที่จอดรถประจำ และเป็นทหารที่จ่ายเป็นรายสัปดาห์ 100 บาท อยู่ 1 คัน หรือบางคนก็ให้บ้างไม่ให้บ้าง ก็ไม่ได้เรียกร้อง เพราะรู้ว่าไม่ใช่ที่ตน แต่คนที่ให้ส่วนใหญ่ก็คงสงสารมากกว่า
...
เปิดโปงเบื้องหลังขบวนการ อ้างตัวเป็นหัวคิวเดินเก็บค่าที่!
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นั่นหมายความว่าทุกวันนี้ เฉพาะพื้นที่ที่พี่โบก สามารถเก็บเงินได้วันละ 800-900 บาทเลยทีเดียว? แหล่งข่าวรายนี้ พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า ทุกวันนี้ยอมรับว่ามีรายได้วันละ ประมาณ 700 บาท แต่ก็ต้องแบ่งให้หัวคิว ที่จะมาเก็บเงินอีกที วันละ 400 บาท เท่ากับว่าต้องมีรายวันส่งให้หัวคิวเดือนละ 12,000 บาท
หัวคิวที่ว่านี้ เป็นใครมาจากไหน? แหล่งข่าวในพื้นที่ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “หัวคิวที่มาเก็บเงิน ก็คือชายใส่หมวกแก๊ป ซึ่งหากเดินไปดูจะเห็นว่า เป็นกลุ่มคนที่ยืนโบกกันทั้งครอบครัว ชายหมวกแก๊ปมีสถานะเป็นพ่อ” ถามว่าทำไมต้องให้? “ก็เพราะซื้อความสะดวกในการทำมาหากิน ถ้าไม่ให้เงินเขา แล้วเราจะมายืนโบกอยู่ได้อย่างไร พวกนี้มักวางอำนาจในพื้นที่” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หัวคิวที่ว่านี้ ส่งเงินต่อให้ใครหรือไม่? “ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ เพราะขบวนการซับซ้อน แต่ถ้าหากส่งให้จริง ก็อาจจะส่งให้ไม่มากเท่ากับที่หัวคิวได้” แหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนาม กล่าว
แหล่งข่าวโบกรถเปรย ตำรวจไม่เคยจับ และไม่เคยมีใครโดนจับ!
เคยมีตำรวจลงพื้นที่เข้ามาจับกุมบ้างหรือไม่? แหล่งข่าวในพื้นที่รายนี้ เล่าว่า “ตั้งแต่เข้ามาโบกรถในพื้นที่ดังกล่าวนี้ ก็ไม่เคยโดนตำรวจจับ มีเพียงลงพื้นที่มาสอดส่องตามที่มีประชาชนร้องเรียนไป แต่เมื่อตำรวจมาถึง พวกหัวคิวและกลุ่มคนที่เก็บก็หายกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงตนนั่งหัวโด่อยู่ ไม่รู้จะหนีไปไหน ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้จับปรับอะไร ที่ผ่านมาตำรวจก็ขับรถผ่านอยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่เคยโดนตำรวจจับ”
หลังพูดคุยกับแหล่งข่าวรายนี้เสร็จ ได้ขอร้องกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าวิตกกังวลว่า “อย่าไปบอกกลุ่มหัวคิวว่าได้ข้อมูลมาจากตน เดี๋ยวพวกมันจะเข้ามาวางอำนาจใส่ และอาจไม่ให้โบกอีก แถมต้องใช้ชีวิตในพื้นที่ด้วย ยิ่งอันตราย” ผู้สื่อข่าวได้ยินดังนั้นก็รู้ดีว่า การลงพื้นที่เจาะถึงถิ่นเช่นนี้ แน่นอนว่าค่อนข้างอันตรายกับตัวผู้สื่อข่าวเองด้วย ฉะนั้นการจะได้ข้อเท็จจริงมา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก...
ต่อมา จนเวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินตามแนวถนนเข้าไปเรื่อยๆ ประมาณ 80 เมตร จนถึงบริเวณหน้าทางเข้าสวนสราญรมย์ ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็น หญิงสาวสวมหมวกเขียวกำลังยืนโบกรถ และเก็บเงินคันละ 40 บาท ขณะที่บางรายกลับจ่ายไปโดยไม่มีท่าทีอิดออด หรือปฏิกิริยาไม่พอใจใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากว่า ทำไมหลายคนถึงยอมจ่ายกันดื้อๆ...?
เมื่อผู้สื่อข่าวยืนสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ หญิงสาวหมวกเขียวเดินเข้ามาถามว่า “เอารถเข้ามาจอดหรือเปล่าคะ” ผู้สื่อข่าวตอบกลับไปทันท่วงทีว่า “ใช่ค่ะ เพื่อนกำลังขับรถวนมาจอด” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ต้องจ่ายเงินด้วยหรือคะ” ได้รับคำตอบว่า “ที่นี่คิดค่าจอดคันละ 40 บาท จอดได้ถึงช่วงเย็นเลย”
ผู้สื่อข่าวถามอย่างตรงไปตรงมาอีกว่า ที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ เขาอนุญาตให้เก็บเงินหรือเปล่า? หญิงสาวที่เรียกเก็บเงินตอบว่า “เป็นพื้นที่สาธารณะ แต่พี่เข้ามาดูแลรถให้ ก็เหมือนงานบริการอย่างหนึ่ง ใครจะให้ก็ให้ ใครไม่ให้ก็ไม่ได้เรียกร้อง เพราะบางคนก็ให้ 40 บาท 50 บาท และ 100 บาท ซึ่งแล้วแต่คนจะให้” หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ผู้สื่อข่าวสังเกตได้ว่า มีผู้ชายใส่หมวกแก๊ปที่กำลังนอนราบอยู่บนรถจักรยานยนต์ จ้องมองผ่านแว่นตาดำมายังผู้สื่อข่าวอย่างไม่ละสายตา ขณะที่หญิงสาวหมวกเขียวเดินไปหาชายดังกล่าว พร้อมพูดคุยอะไรบางอย่าง
ผู้สื่อข่าวครุ่นคิดขึ้นมาได้ว่า "หรือชายสวมหมวกแก๊ป อาจเป็นคนที่อ้างตัวเป็นหัวคิวเดินเก็บเงินในพื้นที่ตามที่แหล่งข่าวในพื้นที่บอก?" ... และหลังจากสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ จึงเข้าไปพูดคุยกับผู้ที่มาจอดรถรายเดือน โดยยังไม่ทันได้ข้อมูลเพิ่มเติม ด้วยความเร่งรีบของชายคนนี้ ทำให้เขาตะโกนอย่างเสียงดังว่า “อยากรู้ราคาค่าที่จอดรถสอบถามผู้ชายใส่หมวกแก๊ปได้” สิ้นเสียงดังกล่าว... แน่นอนว่าชายมาเฟียใส่หมวกแก๊ปรู้ตัว พร้อมลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองมาที่ผู้สื่อข่าวอย่างไม่ละสายตา เมื่อดูท่าไม่ดีแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงระมัดระวังตัว นำตัวเองเดินออกจากพื้นที่ทันที...
ผ่านไปประมาณสัปดาห์ ทีมข่าวฯ วางแผนลงพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง... เพื่อต้องการพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า กลุ่มมาเฟียกลุ่มนี้มีการข่มขู่ เรียกเก็บเงินคนที่เข้ามาจอดรถในลักษณะไหน? ซึ่งครั้งนี้ผู้สื่อข่าวมากัน 2 คน โดย 'ซอซิ่ม' รับบทเป็นผู้สังเกตการณ์ผ่านช่องเล็กๆ ริมรั้วภายในสวนสราญรมย์ ขณะที่กำลังนั่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ ชายหมวกแก๊ปที่อ้างตัวเป็นมาเฟียคนเดิม เดินเข้ามาภายในสวน แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้น ยังไม่มีคนพลุกพล่าน ทำให้ชายคนดังกล่าวสามารถเห็นหน้า 'ซอซิ่ม' ได้ไม่ยากนัก นาทีนั้นรู้ทันทีว่า ชายหมวกแก๊ป กำลังเดินปรี่เข้ามาหา 'ซอซิ่ม' เป็นแน่ ขณะนั้นสิ่งแรกคือมองหาทางออกและเดินไปยังประตูให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้เลยว่ามาเฟียเสื้อแจ็กเก็ตสีดำสวมหมวกแก๊ปรายนี้จะเข้ามาในรูปแบบใด และดูเหมือนว่ากำลังเริ่มเข้าใกล้ 'ซอซิ่ม' เข้าทุกขณะ จนเกือบประชิดตัว กระทั่งมีเสียงตะโกนถามว่า “ไปไหนลูกพี่” ชายเสื้อดำตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดันกลับไปว่า “มาตามหาคน” นาทีนั้น 'ซอซิ่ม' ยอมรับว่า รู้สึกหวาดกลัว มือไม้สั่น เพราะรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัย และไม่รู้เลยว่าชายคนนี้มีอาวุธหรือไม่ แต่โชคดีเดินทางมาถึงประตูทางออกพอดี ชายเสื้อดำจึงทำได้เพียงมองหน้าด้วยท่าทางข่มขู่...
พิสูจน์ทราบ! นำรถล่อ จอดปุ๊บเก็บเงินปั๊บ 40 บาท จอดได้ 3 ชม.
ขณะเดียวกัน เวลาเดียวกับที่ 'ซอซิ่ม' พบเจอกับมาเฟียหมวกแก๊ปอยู่นั้น ด้าน ผู้สื่อข่าวอีกคน ได้ลองนำรถเข้าไปจอดในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบหญิงสาวหมวกเขียวคนเดิมซึ่งเป็นคนเข้ามาเรียกเก็บทันที 40 บาท พร้อมบอกว่าจอดได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ทีมข่าวฯ ได้ลองต่อรองขอเป็น 4 ชั่วโมง แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่บริเวณสวนสราญรมย์ ซึ่งมีผู้คนมาออกกำลังกายประจำ มีรถเข้า-ออกจอดในบริเวณนี้ตลอดเวลา ซึ่งไม่สามารถให้จอดเกินกว่านั้นได้ พร้อมแนะนำว่า หากต้องการจอดนานกว่านี้ ให้นำรถเข้ามาจอดช่วงบ่ายโมงเป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถจอดได้มากกว่า 3 ชั่วโมง หรือจะจอดยาวไปถึงเวลากลางคืนเลยก็ได้ ผู้สื่อข่าวจึงลองถามว่า หากต้องการมาจอดเป็นรายเดือน คิดเงินเท่าไร? หญิงสาวคนดังกล่าวปฏิเสธว่า ไม่สามารถให้จอดได้ เพราะให้จอดเฉพาะผู้ที่มาจอดประจำ