"ประยุทธ์" ขอบคุณ ขรก.ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคมา 2 ปี ขู่ให้สภาพัฒน์ฟ้องเอาผิดคนวิจารณ์เศรษฐกิจไทยตกต่ำ ยันประชามติไม่ใช่แค่พิธีกรรมอ้างเป็น ปชต. เศร้าหลังเห็นข่าวไฟไหม้ ร.ร.ที่เชียงราย เด็กถูกย่างสด 18 ศพ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 59 ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวมอบนโยบาย หัวข้อ "การบูรณาการเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกคนปรบมือให้กับตัวเองที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคกันมา 2 ปี แต่วันนี้สังคมยังไม่เข้าใจเรามากนัก จึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจกันต่อไป หลายคนบอกอยากให้ใช้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 44 แต่ตนต้องการความร่วมมือและความเข้าใจ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาตนได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ เพื่อนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0 โดยเรากำลังอยู่ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องทบทวนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพราะที่ผ่านมาไม่ชัดเจน รัฐบาลไม่มองแบบบูรณาการ ทำให้ไม่มีความเข้มแข็ง และเพิ่มความขัดแย้ง เศรษฐกิจมีปัญหาวันนี้ เราจึงต้องวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อตีกรอบกว้างๆ ให้รัฐบาลเดินหน้า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมายาวนาน 84 ปี
"วันนี้เรายังทะเลาะขัดแย้งกัน เพราะไม่เคารพกฎหมายและระเบียบ พูดแต่สิทธิเสรีภาพจนลืมคำว่าหน้าที่ จนทำให้การทำงานยากขึ้น แต่เรายังสู้ได้เพื่อให้ประเทศมีที่ยืนในเวทีโลก วันนี้ทุกกลุ่มอยากให้ไทยเป็นสมาชิกทั้งหมดไม่รู้ว่าเราเนื้อหอมตรงไหน เราต้องทำเพื่อให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเทียม การเมืองต้องมีธรรมาภิบาลและเสถียรภาพ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่สามารถทำทุกอย่างให้เสร็จภายใน 2 ปี หรือ ระยะเวลาตามโรดแม็ปที่เหลือ แต่วันนี้เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อยู่ในศตวรรษแห่งความว่างเปล่า บางคนบอกว่าทำไปก็ไม่เกิดผลมากมาย ไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ เพราะทุกคนไม่มีความเข้มแข็ง เพราะเรามีทุนมนุษย์ที่อ่อนด้อย ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม ขัดแย้งด้วยการเมือง ที่ไล่ล่าฆ่าฟันกัน ซึ่งตนได้พูดกับทุกประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา ว่าไม่มีใครเป็นอย่างนี้ จึงต้องปรับความเข้าใจ เพราะมีกระบวนการคิดแบบตะวันตกและตะวันออกไม่เหมือนกัน ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเรากำลังเปลี่ยนขั้ว เพราะเราต้องค้าขายกับทุกประเทศในโลก
...
ส่วนเรื่องการเมืองนั้น ขอให้หนักแน่น อดทน เชื่อมั่นในตนว่าไม่ได้เข้ามาเพื่ออะไร ไม่เป็นศัตรูกับใคร ขณะเดียวกัน การทำประชามติตนไม่ได้บังคับใคร ถ้าพร้อมก็ทำมา เพราะไม่ได้ห่วงอำนาจ ซึ่งความจริง อำนาจของตนไม่จำเป็นต้องทำประชามติก็ได้ สามารถประกาศใช้ได้เลย แต่ไม่ได้เพราะเป็นประชาธิปไตย และไม่อยากให้ประชามติเป็นพิธีกรรมเพื่ออ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และขอยืนยันว่าตนไม่สู้กับใคร แต่ทำงานหนักเพื่อประเทศ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันของประเทศ ให้สังคมยอมรับ และตนไม่สามารถสั่ง ส.ว. 250 คนให้ทำอะไรได้ แต่ทั้งหมดเป็นหลักประกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมาอีก
"ขออย่าเชื่อเรื่องที่บิดเบือนว่าเศรษฐกิจตกต่ำ ผมจะให้สภาพัฒน์ไปฟ้อง เพราะมีการบิดเบือนตัวเลข และอย่าว่าทหารโกง หากมีหลักฐานก็ไปฟ้องมา หากกรรมการสอบสวน วันนี้บอกตำรวจไม่ดี งั้นต้องยุบหมดตำรวจ โรงเรียนนายร้อยก็ต้องยุบ สร้างใหม่ตั้งแต่ ป.1 ซึ่งมันไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย สิ่งที่ผมพูดวันนี้ผมรับฟังจากทุกคนให้อภัยผมบ้างเวลาหงุดหงิดเพราะผมรับเยอะ วันนี้ทำงานตาม 6 ป. แต่วันนี้จะเอาแค่ป.เดียว ประชามติ ผมละเบื่อ วันนี้รัฐมนตรีกลาโหมบอกไม่ไหว 70 ปี แล้วจะลาออก ถ้าท่านลาออก ผมก็ใช้มาตรา 44 ตั้งท่านกลับมาใหม่ เราใช้กันเองอยู่แล้ว ถือว่าเรารักกัน ใครเป็นคนปล่อยข่าว ปลัดกระทรวงหรือเปล่า เราทำงานมาด้วยกัน รู้อยู่แล้วใครเป็นอย่างไร และคนที่ถูกปรับออกไม่ใช่ว่าไม่ดี เราร่วมชะตากรรมมาตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ผมไม่ทิ้งท่านอยู่แล้ว ท่านก็อย่าทิ้งผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้อาคาร 2 ชั้น หอพักนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษา ของโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา จ.เชียงราย ซึ่งทำให้เด็กถูกไฟคลอกเสียชีวิต 18 ศพ ว่า หลังจากได้เห็นข่าวไฟไหม้ดังกล่าว ที่ทำให้เด็กเสียชีวิต 18 ศพแล้ว ตนรู้สึกหมดแรง โดยข่าวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นอีกด้วย ซึ่งเรื่องที่ไม่ดีมักจะถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วมาก แต่ตนก็ไม่อยากโทษใคร.