"พิชัย" ชี้ 2 ปี รัฐประหาร ทำประเทศเสื่อมถอยทุกด้าน เศรษฐกิจทรุด แชมป์โตช้าสุดในอาเซียน 2 ปีติด จากปัญหาความเชื่อมั่น ทำลงทุนหดหายถึง 90%...

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.59 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงวันครบรอบ 2 ปี หลังการรัฐประหารว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้สึกได้ว่าประเทศเสื่อมถอยในทุกด้านอย่างชัดเจน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ที่ประเทศไทยเติบโตต่ำสุดในอาเซียนติดต่อกันทั้ง 2 ปีของการยึดอำนาจ โดยปี 2557 โตเพียง 0.7% และปี 2558 โตเพียง 2.8% แม้การขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2559 จะโต 3.2% ก็ยังต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แถมเป็นการเติบโตแบบไม่ยั่งยืน เพราะการส่งออกที่แท้จริงยังติดลบ และการลงทุนยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐกว่าแสนล้าน และการส่งออกทองคำ การส่งคืนยุทโธปกรณ์มาช่วยเท่านั้น ในไตรมาสต่อๆ ไปก็ยังคงดูไม่ดีนัก และทั้งปีจะโตได้ไม่ถึง 3.7% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน

สำหรับปัญหาหลักอยู่ที่ความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ส่งผลทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหายไปถึง 90% ในปี 2558 และในปี 2559 อาจจะโตขึ้นบ้างแต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับภาวะปกติ และการส่งออกทั้งปีนี้จะยังคงติดลบต่อเนื่อง ประชาชนยังลำบากกันอย่างมากเพราะมีรายได้ลดลงกันถ้วนหน้า ยิ่งมาเจอปัญหาสิทธิมนุษยชนทึ่ถูกตำหนิโดย ยูเอ็น อียู และ สหรัฐฯ ยิ่งทำให้ความมั่นใจต่างประเทศลดลง

ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังสับสนไม่เข้าใจว่าในขณะที่รัฐบาลและ คสช.เรียกร้องให้ประชาชนเคารพกฎหมายที่รัฐบาลและ คสช.ร่างและกำหนดขึ้นมาเอง แต่รัฐบาลและคสช.กลับไม่ปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ และกติกาสากลที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีปัญหาทางภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในสายตาของชาวโลกมากขึ้น นอกจากนี้ปัญหาความแตกแยกของประชาชนที่เป็นโจทย์ใหญ่กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสองปีที่ผ่านมาปัญหาและความล้มเหลวยังมากมายขนาดนี้ หากยังคงดำเนินต่อไปความเดือดร้อนของประชาชนจะยิ่งเพิ่มขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้นำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงโดยเร็ว.

...