ศึกมรดกน้ำพริกเผายังไม่จบ! แม่ประนอม เผย ยังไม่ได้รับสินสมรสคืนจากลูกสาว จำเป็นต้องใช้กฎหมายฟ้องดำเนินคดี พร้อมไปศาล 30 พ.ค.นี้
วันที่ 4 พ.ค. ที่พาราไดซ์ฮอลล์ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาไกล่เกลี่ยกับ นางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต เกี่ยวกับปัญหาทรัพย์สินกองมรดก นายศิริชัย แดงสุภา ที่นางประนอมเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ว่า หลังจากการพูดคุยกับนางศิริพร ที่วังวรดิศ โดยมีหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกับ นางศิริพร หรือ ดำเนินการใดๆ ตามที่มีการตกลงกันไว้ในวันนั้น ทั้งเรื่องหุ้นและที่ดิน ให้ทนายติดต่อทวงถามก็ไม่มีการตอบกลับ ไม่คิดว่าลูกจะอกตัญญูทำกับพ่อ ทำกับแม่แบบนี้ ทั้งที่การที่มีทรัพย์สินมากมายทุกวันนี้มาจากการทำงานหนักของ นายห้างศิริชัย และตนไปกู้หนี้ยืมสินจากผู้มีพระคุณมาทำน้ำพริกเผาขาย จนลืมตาอ้าปากกันได้
นางประนอม กล่าวว่า วันที่คุยกันที่วังวรดิศ ตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงหกโมงเย็น อ้อยมาขอให้แม่แถลงข่าวให้หน่อยว่า อ้อยยินดีให้ทุกอย่างตามที่แม่ขอ เพราะตอนนี้ขายของไม่ได้เลย แต่พอแม่แถลงข่าวให้ อ้อยกลับเงียบ ไม่พูดถึงการคืนทรัพย์สินสมรส และทรัพย์มรดกให้กับแม่อีก นี่ยังไม่นับกรณีที่อ้อยสั่งติดกล้องวงจรปิดมาส่องดูบ้านแม่ตลอดเวลา และกรณีที่อ้อยทำกับผู้มีพระคุณของนายห้างศิริชัย ซึ่งนายห้างศิริชัยเคยสั่งให้ดูแลอย่างดี ให้เงินเดือน และค่ารักษาพยาบาลอย่างดีตลอดชีวิต วันนี้อ้อยตัดการช่วยเหลือทั้งหมด ไม่เข้าใจว่าอ้อยทำได้อย่างไร
...
นางประนอม ยอมรับว่ายังมีความหนักใจอยู่ ว่าจะมีผลตามที่ร้องขอหรือไม่ พร้อมบอกว่าอยากพูดกับลูกดีๆ ไม่อยากใช้กฎหมายกับลูก แต่เมื่อไม่ได้ตามที่ตกลงก็คงต้องใช้ฟ้องดำเนินคดีลูกอกตัญญู เพราะคุยกันมาปีกว่าแล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 พ.ค. ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันนัดไต่สวนคดีที่ตนฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินจากนางศิริพรคืนกองมรดก ตนจะไปตามที่ศาลนัดด้วยตัวเอง ส่วนตอนนี้ก็พยายามทำใจให้สบาย สวดมนต์ รักษาร่างกายให้ไม่ป่วย เพราะกลัวจะไม่ได้ใช้เงิน โดยคงพักอยู่ที่บ้านลูกสาวคนรอง ไม่ได้กลับไปพักกับลูกสาวคนโต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสวนคดีดังกล่าวของศาลจังหวัดตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโตของนางประนอม แถลงต่อศาลว่า นางศิริพรยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่เคยมีการพูดคุยกันไว้ที่วังวรดิศ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยยินยอมโอนทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน 3 แปลง ประกอบด้วย ที่ดินโรงงานเก่าพร้อมสิ่งปลูกสร้างในหมู่บ้านเศรษฐกิจ ย่านเพชรเกษม จำนวน 10 แปลง มูลค่า 50 ล้านบาท ที่ดินพร้อมบ้านพักที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และที่ดินที่จังหวัดขอนแก่น นอกจากนี้ จะมีการจ่ายเงินสดให้นางประนอมเป็นค่าเลี้ยงดูเดือนละ 1 ล้านบาท ตลอดชีวิต โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป
ต่อมา นายพิสิษฐ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายของนางประนอม แถลงต่อศาลว่า นางประนอม ต้องการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลก่อน จึงจะถอนฟ้องและยังมีทรัพย์บางรายการที่ต้องการเจรจากับจำเลย ได้แก่หุ้นที่บริษัทน้ำพริกเผาไทย แม่ประนอม จำนวน 18,200 หุ้น และหนี้สินที่นางประนอมกู้มาเปิดร้านอาหารพีเอส เรสเตอรองต์ ย่านพุทธมณฑล สาย 3 จำนวน 20 ล้านบาท แต่ทนายของนางศิริพร แถลงคัดค้านว่า ในการเจรจาครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีเงื่อนไขในส่วนการคืนหุ้น 18,200 หุ้น และเรื่องเงิน 20 ล้านบาท ชดใช้หนี้สินทำร้านอาหาร
ทำให้ศาลจังหวัดตลิ่งชัน สั่งเลื่อนการไต่สวนไปเป็นวันที่ 30 พ.ค. เพื่อให้ทนายความทั้งสองฝ่ายไปเจรจาตกลงรายละเอียดการคืนทรัพย์สินของลูกความให้ได้ข้อสรุป ก่อนมาทำสัญญาประนีประนอมกันที่ศาล