ตำรวจรวบแล้วฆาตกรฆ่าแล้วเผา เป็นหนุ่มอาชีพเผาถ่านขาย สารภาพแค้นถูกผู้ตายถีบหน้าในวงเหล้า สาเหตุไม่พอใจที่ไปทวงถามเรื่องไหว้วานให้ช่วยหาซื้อรถยนต์ ออกอุบายพาไปตีผึ้งในทุ่งนา สบโอกาสกระหน่ำแทงล้มลงแล้วขึ้นคร่อมร่างแทงซ้ำจนตาย พร้อมถ่มน้ำลายใส่ศพระบายแค้น จากนั้นกลับบ้านทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลัวเรื่องแดงย้อนกลับไปเอาฟางข้าวสุมศพเผาอำพรางคดี ตำรวจคุมตัวทำแผนฯหวิดถูกรุมประชาทัณฑ์
ตำรวจรวบแล้วฆาตกรฆ่าแล้วเผา โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 เม.ย. พ.ต.อ.คมกฤษ ศรีผ่องงาม ผกก.สภ.บ้านนา จ.นครนายก พ.ต.ท.กิตติ ตันเสียง รอง ผกก. (สส.) พ.ต.ต.ธนันท์วุฒิ ธนันท์วุฒิวงศ์ สว.สส. ร.ต.ท.นิรันดร์ จันทร์โฮง รอง สว.สส. ควบคุมตัวนายสมชาย หรือแดง ชัยมงคล อายุ 41 ปี อาชีพเผาถ่านขาย อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 4 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก ผู้ต้องหาในคดีฆ่าไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณกลางทุ่งนา หมู่ 4 บ้านชายลำ ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.รัชพล นุริตมนต์ สว. (สอบสวน) สภ.บ้านนา จ.นครนายก ได้รับแจ้งพบศพชายถูกฆ่าแล้วเผากลางทุ่งนา หมู่ 4 บ้านชายลำ ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายมานิก ถีระวงษ์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 4 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก เป็นคนงานโรงงานผลิตนอตแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ สภาพศพถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก ศีรษะมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคม 4 แผล แผ่นหลัง 4 แผล และหน้าอก 6แผล รวม 14 แผล
ต่อมาตำรวจได้นำตัวนายสมชาย ผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำ หลังมีพยานพบเห็นผู้ตายอยู่กับนายสมชายเป็นครั้งสุดท้าย หลังใช้เวลาสอบปากคำชนิดข้ามวันข้ามคืน ในที่สุดนายสมชายยอมรับสารภาพเป็นคนลงมือฆ่าและเผานายมานิกจริง พร้อมให้รายละเอียดว่ามีอาชีพเผาถ่านขายกระสอบละ 130 บาท ที่ผ่านมาธุรกิจไปได้ดีมีคนสั่งซื้อเยอะ แต่ต้องใช้รถเข็นไปส่ง จึงอยากได้รถปิกอัพราคาถูกไว้ใช้งานสักคัน ประกอบกับนายมานิกผู้ตายเคยคุยให้ฟังว่ามีญาติทำธุรกิจขายรถยนต์และสามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าคนอื่น จึงได้ไหว้วานให้ผู้ตายช่วยดูรถให้สักคัน ผู้ตายก็รับปากจะดูให้
...
นายสมชายให้การอีกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 เม.ย. ผู้ตายได้แวะมานั่งดื่มสุราที่บ้านตน จึงเอ่ยปากถามเรื่องรถปิกอัพที่สั่งให้ดูว่าได้หรือยัง ทำให้ผู้ตายที่อยู่ในอาการมึนเมาไม่พอใจตะคอกใส่แล้วใช้เท้าถีบหน้าตนจนหงายหลังพลัดตกเก้าอี้ ตนยกมือไหว้แล้วถามว่า “ถีบกูทำไม” แต่ผู้ตายไม่ตอบ ด้วยความแค้นที่ถูกเพื่อนถีบหน้า จึงวางแผนฆ่า โดยทำทีออกอุบายชวนผู้ตายไปตีผึ้งกลางทุ่งนามาแกล้มสุรา ผู้ตายเดินออกนำหน้าส่วนตนเดินถือมีดตามหลัง พอถึงที่เกิดเหตุแกล้งร้องโอย ผู้ตายหันมามองไม่ทันระวัง จึงใช้มีดจ้วงแทงไม่ยั้ง จนร่างทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ด้วยความแค้นขึ้นคร่อมร่างแล้วแทงซ้ำอีกหลายครั้ง จากนั้นถ่มน้ำลายใส่ศพ แล้วเดินไปนั่งสูบบุหรี่ที่โคนต้นไม้ ก่อนกลับบ้านทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นายสมชายให้การอีกว่า กระทั่งถึงช่วงบ่ายของวันที่ 21 เม.ย. ได้ย้อนกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อดูว่าศพยังอยู่ที่เดิมหรือไม่ พบว่าศพยังอยู่ที่เดิม แต่ด้วยความกลัวเรื่องจะแดง จึงคิดทำลายศพ โดยนำฟางข้าวในบริเวณนั้นมาสุมศพแล้วจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี จากนั้นกลับไปบ้าน กระทั่งมีคนเห็นไฟลุกลามทุ่งนาพากันไปดูและพบศพถูกเผา จึงแจ้งให้ตำรวจทราบ ส่วนตนทำทีออกไปดูศพด้วย กระทั่งถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพมีชาวบ้านและญาติผู้ตายไปมุงดูเป็นจำนวนมากพร้อมส่งเสียงสาปแช่ง และพยายามจะรุมประชาทัณฑ์นายสมชาย ตำรวจต้องกันชาวบ้านออกไป หลังใช้เวลาทำแผนประมาณ 10 นาที ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับโรงพักไปดำเนินคดี