แม้ประเด็นการเหยียดเชื้อชาติในย่าน “โมเลนบีค” กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม จะถูกตั้งธงว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มวัยรุ่นมุสลิม เบนเข็มความคิดไปในทางหัวรุนแรงนั้น

แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงส่วนหนึ่งจากแกนนำในชุมชนที่มองด้วยว่า กรณีนี้หากไม่มีตัวเร่งปฏิกิริยาก็ทำไม่ได้ ที่ว่านี้คือบรรดาเครือข่ายนักสอนศาสนาหัวรุนแรง

ยกตัวอย่างหนึ่งในนั้นคือนายคาหลิด เซอร์คานี วัย 42 ปี ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มักนัดพูดคุยจัดวงเสวนากับกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นจึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งคนที่มีศักยภาพลักลอบเข้าไปในซีเรีย

ถึงเจ้าตัวจะถูกจำคุกไปแล้ว แต่จากการสอบถามหลายครอบครัวในชุมชนพบหลักฐานสอดคล้องกันว่า เด็กวัยรุ่นจำนวนมากได้เปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างสิ้นเชิง หลังได้พูดคุยกับนายเซอร์คานี อาทิ จากเคยชอบของแบรนด์เนม ก็กลายเป็นคนเคร่งศาสนาสวมแต่ผ้าคลุมขาว และพูดถึงแต่การทำสงครามที่ซีเรีย

โดยคุณแม่รายหนึ่งเปิดเผยว่า “ลูกชายของตนชื่อว่าโยนิ เมน วัย 23 ปี ถือเป็นหนึ่งในเหยื่อของนายเซอร์คานี ถูกล้างสมองไปทำสงครามในซีเรียเมื่อปี 2556 จากนั้นพอกลับมาก็ถูกกดดันให้ไปอีก ตนไปแจ้งตำรวจก็ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด จนสุดท้ายลูกชายก็เสียชีวิตที่ซีเรียในปีต่อมา”

ยังจำได้ว่าคนที่เป็นผู้ร่วมเดินทางไปกับลูกคือนาย “อับเดลฮาหมิด อาบาอูด” ลูกศิษย์ของนายเซอร์คานี ซึ่งต่อมาภายหลังนายอาบาอูด ก็คือผู้วางแผนก่อการร้ายกรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2558 นั่นเอง

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยข้อมูลของเบลเยียมปรากฏด้วยว่า เครือข่ายเผยแพร่คำสอนหัวรุนแรง ได้เริ่มฝังรากลึกในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชารีอะห์ 4 เบลเยียม หรืออิสลามโมรอกโกจีไอซีเอ็ม ที่พัวพันกับเหตุก่อการร้ายสำคัญ อาทิ เหตุระเบิดรถไฟกรุงมาดริด สเปน ปี 2547 หรือมือระเบิดพลีชีพหญิงชาวเบลเยียมที่อิรัก ในปี 2548

...

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสอนศาสนาบางส่วนอย่าง “บีบีเอคลับ” ในย่านโมเลนบีค ก็พยายามช่วยหาทางออกตรงจุดนี้ โดยระบุว่าโจทย์คือการทำให้บรรดาวัยรุ่นมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และมีจุดยืนที่ถูกต้อง

กระนั้น กำแพงใหญ่ก็วกกลับมาเรื่องเดิม คือการได้รับการยอมรับในสังคม ไปต่างแดนพวกเขาคือชาวเบลเยียม แต่อยู่ที่นี่พวกเขากลับถูกมองว่าเป็นต่างด้าว ประเด็นนี้จะแก้กันเช่นไร!?

ตุ๊ ปากเกร็ด