อาถรรพณ์ยังไม่ถูกทำลาย เรือกำปั่นขนไวน์ที่จมน้ำโขงเมื่อ 69 ปีก่อน พร้อมฝรั่งผัวเมีย การกู้ครั้งที่ 3 ยังไม่สำเร็จ ดึงครั้งแรกสลิงขาด ดึงอีกครั้งก็ไม่ขึ้น ต้องเปลี่ยนแผนมาใช้โป๊ะ ขนลุก ทายาทท่านขุนฯ ที่เคยพยายามกู้เรือนำรูปมาตั้ง...

ปฏิบัติการกู้เรือกำปั่นไอน้ำ บรรทุกสินค้าจำพวกไวน์จาก จ.นครพนม เพื่อลำเลียงทวนน้ำขึ้นไปขายยังนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว แต่ระหว่างทางเกิดเรือรั่วแล้วอับปางลงกลางแม่น้ำโขงที่บ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จมน้ำไปพร้อมกับตำนานอันน่าสะพรึง ฝรั่งสองผัวเมียยอมตายพร้อมกันเป็นผีเฝ้าสมบัติอยู่ในเรือ ขณะที่คนอื่นๆ ทั้งกัปตันและลูกเรือต่างสละเรือลอยคอเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย เหตุเกิดในเวลากลางคืน เดือนสิงหาคม พ.ศ.2490 (อ่านข่าว ลุ้นกู้เรือกำปั่นขนไวน์ จมน้ำโขง 69 ปี! กับตำนานสยอง พร้อมเลขเด็ด)

จากนั้น ในราวเดือนเมษายน พ.ศ.2491 ได้มีความพยายามกู้เรือกำปั่นลำนี้ครั้งแรก และอีกครั้งใน 2 ปีถัดมา คือในปี พ.ศ.2493 โดยรองอำมาตย์ตรีขุนอินทนิลารักษ์ (เปลี่ยน นิละสมิต) เป็นผู้รับจ้างกู้ ใช้สลิงลวดเหล็กขนาด 6 หุน วินซ์มัดติดกับต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่เรือมาติดที่ตลิ่งทำให้สลิงขาดติดคาอยู่ที่เพลาเรือ ซึ่งการกู้เรือทั้ง 2 ครั้ง ล้มเหลว ไม่ประสบลผลสำเร็จ

...

จนกระทั่งอีก 46 ปี ต่อมา คือในปี 2559 นี้เอง นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.บึงกาฬ ร่วมกับประชาชนบ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ที่มีความประสงค์ที่จะกู้เรือกำปั่นโบราณลำนี้ขึ้นมาเก็บไว้เป็นสมบัติของชาวบึงกาฬให้ประชาชนได้ศึกษา จึงมีความพยายามกู้เรือลำนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานีเรือ นรข.เขตหนองคาย สำนักงานโยธาและผังเมืองบึงกาฬ และ อบจ.บึงกาฬ ได้ว่าจ้าง บริษัทอู่เล้งเซอร์วิส เป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของวัดโพธาราม หรือวัดหลวงพ่อพระใหญ่บ้านท่าไคร้ ที่ประชาชนมาทำบุญและร่วมกันบริจาค

ล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 4 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในการกู้เรือกำปั่นท่ามกลางแสงแดดร้อนจ้า มีประชาชนทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่หลั่งไหลกันมาจับจองที่นั่งริมฝั่งโขง เพื่อดูการปฏิบัติงานภารกิจกู้เรือกำปั่น ซึ่งบริษัทอู่เล็งเซอร์วิส ได้นำรถแบ็กโฮมาปรับแต่งพื้นดินริมฝั่งโขง เพื่อสะดวกในการนำรถเครนขนาด 25 ตัน 1 คันและรถแบ็กโฮอีก 2 คันมาปฏิบัติงานในครั้งนี้ โดยใช้สลิงเหล็กขนาด 4 และ 6 หุนมัดติดเพลาเรือใต้น้ำหลังจากดูดทรายออกจากลำเรือจนหมด ซึ่งจังหวะที่รถแบ็กโฮ 2 คันและรถเครนดึงสลิงให้เรือที่จมในน้ำโขงลึกประมาณ 5 เมตรขึ้นอยู่นั้นประชาชนที่เฝ้ายืนดูและให้กำลังใจอยู่ต่างส่งเสียงเป็นจังนับ 1-2-3 ขึ้นๆๆ ตลอดเวลา ซึ่งการทดสอบดึงครั้งแรก ปรากฏว่าสลิงเหล็กของรถแบกโฮขาด

หลังจากใช้สลิงตัวใหม่ จึงใช้แรงดึงของรถแบ็กโฮ 2 คันเป็นหลัก ส่วนเครนก็ดึงขึ้นทางตรงในลักษณะพยุงไม่ให้ท้ายเรือชนขอบตลิ่ง ซึ่งการดึงในครั้งที่ 2 นี้ประชาชนที่คอยลุ้นอยู่ก็ส่งเสียงเชียร์ให้จังหวะตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถดึงเรือกำปั่นขึ้นจากแม่น้ำโขงได้ เนื่องจากแรงดึงไม่พอ สร้างความผิดหวังให้ผู้ชมไปตามๆ กัน 

ภายหลังความพยาม 2 ครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ นายไพรวัลย์ อุดมเศรษฐพงษ์ เจ้าของผู้จัดการบริษัท อู่เล้งเซอร์วิส ผู้รับจ้างกู้เรือกำปั่นได้หารือกับ นายสุนทร มะยมทอง นักประดาน้ำหัวหน้าชุดกู้เรือโดยเปลี่ยนแผนนำรถเครนยักษ์ขึ้นโป๊ะเรือขนาดใหญ่ไปเทียบแล้วยกเรือกำปั่นขึ้นทางตรงไม่ต้องลากเข้าฝั่งเหมือนที่ผ่านมา โดยจะดำเนินการภายใน 4-5 วันนี้ เพื่อนำเรือกำปั่นขึ้นมาเป็นของขวัญให้ชาวบึงกาฬก่อนวันสงกรานต์ปี 59 นี้ให้จงได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนจะเริ่มลงมือปฏิบัติงานกู้เรือได้มีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอขมาต่อผู้เสียชีวิตในเรือ โดยมีญาติๆ ของรองอำมาตย์ตรี ขุนอินทนิลานุรักษ์ นำกรอบรูปขนาด 8x10 นิ้วมาวางบนโต๊ะที่มีดอกไม้ธูปเทียนตั้งอยู่ริมฝั่งโขง เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทีมกู้เรือด้วย ซึ่งญาติๆ รองอำมาตย์ตรีขุนอินฯ ได้บอกกับ นายวีระชัย แก้วเทพ ผู้ใหญ่บ้านว่า สมัยที่ขุนอินฯ ท่านมีชีวิต มีความปรารถนาจะกู้เรือลำนี้ให้ได้ตามที่ได้รับจ้างเอาไว้ จึงได้ทำการกู้ถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อทราบข่าวว่าจะมีการกู้เรือเป็นครั้งที่ 3 ทางญาติมีความยินดีเป็นอย่างมาก จึงได้นำรูปท่านมาตั้งไว้เพื่อเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วย อยากให้ปณิธานของท่านได้สำเร็จ.

...