ทนายระบุ “นางประนอม” สุขภาพจิตดีขึ้นมาก ย้ำขึ้นศาล 4 เม.ย. แค่ไต่สวนเรื่องการถอนฟ้องคราวก่อนเท่านั้น คดีหลักยังไม่จบ หนำซ้ำทายาทอื่นๆ ที่มีสิทธิในทรัพย์สินนายศิริชัย จ่อยื่นฟ้องต่อด้วย ด้านลูกสาวคนรองยันยากที่แม่กับน้องจะกลับไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกับพี่สาวคนโต เหตุปัญหาที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แม่ต้องออกจากบ้านที่พ่อสร้างให้

ศึกชิงมรดกธุรกิจน้ำพริกเผา ตรา “แม่ประนอม” มูลค่าพันล้าน ยังเข้มข้นและเป็นประเด็นทอล์ก ออฟเดอะทาวน์ โดยเฉพาะเมื่อ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาสาเข้ามาเป็นกาวใจไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในมรดกระหว่างนางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม กับนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ซึ่งเป็นผู้บริหารกิจการคนปัจจุบัน ท่ามกลางผู้คนที่มีชื่อเสียงที่รู้จักมักคุ้นกับคนในตระกูล “แดงสุภา” ต่างอยู่วงนอกไม่ขอเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ กระแสสังคมต่างจับตาการพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครปฐม นัดไต่สวนคดีที่นางประนอมได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องนางศิริพร โดยสมัครใจในคดีหมายเลขดำที่ 861/2558 ซึ่งประนอมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต และนายกำธร ประยูรสตางค์ ทนายความของนางศิริพร ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดปลอมแปลงเอกสาร, ฉ้อโกง และความผิดต่อเจ้า พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 และ 341 ว่าผลการไต่สวนจะออกมาเช่นไร

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายพิสิษฐ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม เปิดเผยว่า ในการไต่สวนคดีที่ศาลจังหวัดนครปฐม เป็นเพียงการไต่สวนแม่ ประนอมว่า เจตนาถอนฟ้องนางศิริพร และนายกำธร จริงหรือไม่เท่านั้น ยังไม่ได้มีการไต่สวนในเนื้อหาสาระในคดีการปลอมแปลงเอกสาร ขณะนี้นาง ประนอมอยู่ในสภาพพร้อมที่จะให้เบิกความต่อศาล มีกำลังใจดีมาก ไม่ได้มีการซักซ้อมอะไร นอกจากให้นางประนอมพูดความจริง เล่าความจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดการยื่นถอนฟ้องทั้งหมด ส่วนศาลจะมีผลวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นอำนาจของศาล แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คดีนี้ก็ยังไม่จบ เพราะตนทราบว่า ยังมีทายาท ที่มีสิทธิในทรัพย์สินของกองมรดกนายศิริชัยคนอื่นๆ รอยื่นฟ้องดำเนินคดีกับนางศิริพร ต่อจากแม่ประนอมอีก

...

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว นางประนอมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต, นายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนางศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร, ฉ้อโกง และความผิดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267, 268, 137, 341 ประกอบมาตรา 83 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2558 โดยระบุว่าระหว่างวันที่ 1-26 ธ.ค.57 จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี ว่ามอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 3 ได้ไปแจ้งกับเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งการกระทำนั้นทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย อย่างไรก็ดี ภายหลังมีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว ศาลจังหวัดนครปฐม จึงได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ให้ประทับรับฟ้องเฉพาะนางศิริพร บุตรสาวคนโตจำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264, ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265, ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 3 กระทำผิดตามฟ้อง จึงให้ยกฟ้อง แต่ภายหลัง นางประนอม โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ซึ่งเบื้องต้นศาลวินิจฉัย อนุญาตให้ถอนฟ้อง แต่ต่อมานางประนอมโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 4 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ นายพิสิษฐ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นางศิริพร แดงสุภา อยากให้แม่และน้องสาวกลับเข้าบ้านมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ในการเจรจากับ ม.ล.ปนัดดาที่มาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า จากการสอบถามพูดคุยกับนางประนอมล่าสุด ลูกความของตนยังไม่คิดจะกลับไปอยู่บ้านกับนางศิริพร แม้ว่าใจอยากจะไปอยู่บ้านที่นายศิริชัย ผู้เป็นสามีสร้างให้ แต่กลับไปตอนนี้ก็อยู่ไม่เป็นสุข เพราะปัญหายังเรื่องสินสมรสและมรดกยังไม่ยุติ กลับไปก็เผชิญปัญหาเดิมๆจากลูกเขยและจากหลาน ที่ทำให้ต้องออกจากบ้านมา นางประนอมบอกว่า “คับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยาก ตอนนี้ออกมาอยู่ข้างนอกกับจิ๋ม (น.ส.ศิริลักษณ์ แดงสุภา) สุขภาพจิตดีขึ้นมาก มีคนที่รักไปมาหาสู่มากขึ้น” ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด คือนางศิริพรต้องมานั่งคุยกับแม่ประนอมเพื่อยุติปัญหาอย่างจริงใจ

ด้าน น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา น้องสาวคนรองของนางศิริพรกล่าวว่า เป็นไปได้ยากที่แม่และน้องๆ จะกลับมาอยู่กับนางศิริพรอีก เพราะปัญหาที่แท้จริงยังไม่ได้แก้ไข สิ่งที่ทำให้แม่ต้องออกจากบ้านที่พ่อสร้างให้ก็เพราะแม่ทวงถามเรื่องสินสมรสของแม่ และทรัพย์สินในกองมรดกของพ่อ ไม่ใช่หรือ ที่แม่และตนร้องขอต่อนายกรัฐมนตรีและร้องขอความเป็นธรรมกับสังคมคือ ต้องการทรัพย์สินที่ถูกต้องชอบธรรมกลับคืนมา ไม่ใช่ร้องขอกลับบ้าน ดังนั้นอย่ามาสร้างภาพด้วยการเอาแม่ และน้องจิ๋ม (น.ส.ศิริลักษณ์) กลับไปทำร้ายจิตใจอีก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายทวิชา หวังโภคา ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนางศิริพร ว่า ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ศาลจังหวัดนครปฐม นัดไต่สวนคดีปลอมแปลงเอกสารที่นางประนอมยื่นฟ้องนางศิริพร จากนั้นได้ถอนฟ้อง และมีการยื่นฟ้องใหม่ และยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดนครปฐมไต่สวนคดีเดิมที่ถอนฟ้องไม่ใช่เจตนาที่แท้จริง และให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้เพิกถอนฟ้องไปนั้น ซึ่งศาลนัดไต่สวนฝ่ายแม่ประนอมฝ่ายเดียว แต่ตนในฐานะทนายความของศิริพร ต้องเดินทางไปทำหน้าที่คัดค้านการไต่สวนดังกล่าว ส่วนนางศิริพร และนายสุชาติคงไม่ได้เดินทางไปด้วย อย่างไรก็ตาม นางศิริพรมีความต้องการให้แม่และน้องคนเล็กกลับมาอยู่ที่บ้านเช่นเดิม เพราะปกติอยู่บ้านหลังเดียวกันมาตลอด เพิ่งย้ายออกไปเมื่อประมาณ 1 ปีกว่านี้ ทั้งนี้ นางศิริพรมีความยินดีมากที่ ม.ล.ปนัดดารับปากจะเป็นตัวกลางประสานให้แม่ลูกได้เคลียร์พูดคุยปัญหาความในใจกัน เพื่อหาข้อยุติ และในอนาคตนางศิริพรมีความยินดี หากมีโอกาสการพูดคุยเจรจากัน แต่ไม่สามารถบอกวันเวลาได้ คงใช้เวลาให้เป็นข้อพิสูจน์เรื่องต่างๆ

...