เรื่องข่าวต้องรู้ให้ทันเหตุการณ์ทันโลก แฟนข่าวไทยรัฐทีวี จดจำได้แน่นอน ปอ จุฑารัตน์ เอี่ยมอำพันธ์ ผู้ประกาศข่าวสาวสุดมาดมั่น มีเอกลักษณ์และน้ำเสียงที่น่าฟัง เป็นผู้ประกาศข่าวที่มาแรงและโดนใจที่สุดในตอนนี้! เราอาจจะคุ้นหน้าและคุ้นน้ำเสียงเฉพาะหน้าจอทีวี วันนี้เราจะไปพาค้นชีวิตต้องสู้ กว่าที่ ปอ จุฑารัตน์ จะก้าวขึ้นมาเป็นประกาศข่าวทีวี ที่หลายคนติดอกติดใจกัน
มุ่งมั่นเรื่องเรียนมากๆ
"สมัยเรียนมหาลัย พวกเราเป็นกลุ่มเด็กเรียน (ยิ้ม) ไม่ได้ติดหรูนะ เป็นสาวบ้านๆ ก่อนหน้านี้คุณพ่อก็จะหวง แต่พอมาเรียนที่นิเทศศาสตร์ สาขาการกระจายเสียง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) คุณพ่อก็จะมีปล่อยๆ บ้าง เพราะเรามีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ กลับดึกบ้าง ไม่เหมือนคณะอื่นๆ พูดถึงรุ่นน้องที่เด่นๆ ดังๆ เหรอค่ะ ก็จะมีแอฟ ทักษอร เป็นรุ่นน้อง 1 ปี เป็นคนเรียบร้อยมาก (ลากเสียงยาวมากๆ) เป็นคนนิ่ง บุคลิกดีดูหรู"


...

บินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย
"พอเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์ฯ ก็ไปทำงานเบื้องหลังเป็นโคโปรดิวเซอร์ รายการท่องเที่ยว ที่ช่องหนึ่ง ทำได้อยู่ประมาณ 7 เดือน คุณแม่อยากจะให้เราไปเรียนต่อ เพราะกลัวว่าถ้าเว้นว่างไปนานๆ แล้วจะห่างเรื่องเรียน ก็เลยบินไปเรียนปริญญาโทที่ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย (Master of Arts ,International Communication, Macquarie University, Sydney, Australia) ตั้งแต่เรียนนิเทศศาสตร์ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราก็รู้สึกว่ารัก เราชอบเรียนด้านนี้อยู่แล้ว บางคนอาจจะไปต่อโทด้านสาขาอื่นๆ แต่เราชอบทางด้านนี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปเรียนในด้านนิเทศศาตร์ต่ออีก ที่ออสเตรเลีย
"ครึ่งปีแรกไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน หลังจากนั้นก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ก่อนจะไปเรียนที่ออสเตรเลีย ปอก็เหมือนกับลูกแหง่นั่นแหละ (ยิ้ม) เพราะพ่อแม่หวงมากๆ ดูแลทุกอย่างเพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย จะตัดสินใจอะไร พ่อแม่ต้องคอยบอกคอยสอนตลอด แต่พอเราไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ด้วยช่วงเวลาที่มันต่างกันมาก ที่ไทยดึกแล้วแต่ที่ออสเตรเลียยังเช้าอยู่ มีอะไรด่วนก็จะโทรปรึกษาไม่ได้ มันเลยสอนให้เราคิดเอง ต้องดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง เปลี่ยนตัวเอง ตัดสินใจเอง กลับมาถึงไทยพ่อแม่ยังทักเลยว่า เฮ้ย!!! เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก



...

ล้างจานหาเงินเรียนเอง
"หลังเวลาเรียนก็ไปทำงาน ทำงานทุกอย่าง ค่าเทอมคุณพ่อคุณแม่ส่ง แต่ค่าอยู่ค่ากินเราหาเอง เราคิดว่าเราหาเองได้ด้วย ทำทุกอย่างเลย เช่น เคยไปแจกโบรชัวร์เป็นลังๆ เลยค่ะ ไปเดินหย่อนที่ตู้ไปรณีย์ตามบ้านต่างๆ ก็เดินตามซอยต่างๆ หลายกิโลฯ เหมือนกัน หรือขับรถไปส่งอาหารตามบ้าน ทำงานที่ร้านอาหารไทย หั่นผักเตรียมไว้ เป็นเชฟ ล้างจานด้วย ทำความสะอาดร้านด้วยตอนที่ร้านปิด ถูพื้น ขัดห้องน้ำ ปอทำทุกอย่างจริงๆ เลย (ยิ้ม) ก็ไปทำอยู่สองร้าน วันธรรมดาไปร้านหนึ่ง เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปอีกร้านหนึ่ง ทำงานตลอดตั้งแต่เริ่มไปเรียน ทำอยู่ประมาณ 2 ปี ทำมาเรื่อยๆทำงานเก็บเงินด้วย จนสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินให้พ่อแม่ บินมาตอนรับปริญญาได้ คือทำงานเยอะเหมือนกัน (ยิ้ม)"
"ตอนทำงานดราม่าสุดๆ เลยคือ ปอแพ้น้ำยาล้างจาน เนื่องด้วยเป็นคุณหนูมาจากเมืองไทย (หัวเราะ) ใส่ถุงมือเวลาล้างจานก็แล้ว ก็ยังมีแผล มีตุ่มมีผุดขึ้นเป็นพองๆ ใสๆ กลางคืนก็นอนเกาไปร้องไห้ไป ก็คิดในใจ...ว่าทำไมเราต้องมาลำบากขนาดนี้นะ ล้างจานไปมานานๆ แผลพองๆ ใสๆ ก็หายไปค่ะ เพราะไม่แพ้น้ำยาล้างจานแล้ว มันกลายเป็นมือด้านไปแล้ว (หัวเราะ) ไม่เคยคิดจะโทรไปบอกพ่อแม่ แล้วขอเงินเพิ่มเลยนะ ปอขอแค่ค่าเทอมเท่านั้นพอ เพราะค่าเทอมมันเยอะ ก็หนักแล้วค่ะ"
...
โดนโจรขึ้นบ้าน
"ชีวิตปอที่ออสเตรเลีย เป็นชีวิตเรียบๆ ได้ออกไปเที่ยวนิดหน่อย ไม่มีอะไรโลดโผนเลยค่ะ ก็เคยมีเรื่องตื่นเต้นบ้าง เคยมีขโมยขึ้นบ้าน ปอพักที่ทาว์นเฮ้าส์ 3 ชั้น ที่เราไปแชร์ค่าเช่าอยู่ด้วยกับคนไทยที่นั้น ตอนนั้นเรากำลังจะกลับเมืองไทยแล้ว ซื้อของฝากไว้เยอะแยะ เก็บไว้เรียบร้อยในกระเป๋าเดินทาง มีพี่ที่พักด้วยกันอีกคนหนึ่ง ถอนเงินสดมาเกือบล้าน ใส่เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง โดนโจรขโมยไปหมดเลย!!! ส่วนของปอไม่ได้โดนขโมยเงิน ของก็ไม่ได้เอาไปด้วย ของกองอยู่ริมระเบียง เหมือนจะหอบไปไม่ทัน แต่ก็ตามจับตัวโจรไม่ได้ค่ะ"
ผู้ประกาศข่าวสาวหน้าใหม่ไฟแรง
"พอเรียนจบจากออสเตรเลีย ปอได้มาทำงานอยู่เอเอสทีวี ASTV ทำอยู่ 3 ปี เป็นท้ังผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว ทำเองตัดต่อเองทำทุกขั้นตอน นั่นเป็นโอกาสแรก ที่ทำให้เราได้เป็นผู้ประกาศข่าว หลังจากนั้นปอก็ไปทำงานอยู่ช่อง 11 อ่านข่าวคู่กับน้องไบรท์ (พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ) ทำอยู่ประมาณ 3 ปี แล้วก็มีโอกาสได้ไปทำต่อที่สปริงนิวส์ หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับไทยรัฐทีวี Thairath TV"
แจ้งเกิดเต็มตัวที่ไทยรัฐทีวี
"ได้มาทำงานที่ไทยรัฐทีวี ดีค่ะๆ เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เป็นระบบดี เป็นองค์กรที่ใหญ่ ตอนนี้ปอยังแฮปปี้กับการทำงานที่ไทยรัฐทีวีอยู่ (ยิ้ม) เราได้เรียนรู้การทำงานกับคนเก่งๆ หลายคน พอเราได้ประสบการณ์จากคนเก่งๆ มาเราก็ได้เรียนรู้ขึ้นเยอะ ตอนนี้ถ้าคนจะดูข่าว คนก็จะนึกถึงไทยรัฐทีวี Thairath TV เราก็ต้องทำงานแข่งกับตัวเองและแข่งกับทีวีข้างนอกด้วย ตอนนี้ปอรับผิดชอบเป็นผู้ประกาศข่าว ช่วงไทยรัฐนิวส์โชว์ ,ครบข่าวดึก นอกจากปอจะเป็นผู้ประกาศข่าวแล้ว ปอยังแปลข่าวด้วยค่ะ ประมาณ 4-5 ข่าวต่อวัน ไม่ได้อ่านข่าวต่างประเทศอย่างเดียว แปลให้ผู้ประกาศข่าวคนอื่นๆ ได้อ่านด้วย"
...
"หลักๆ ปอรับผิดชอบข่าวต่างประเทศ บางคนอาจจะคิดว่าข่าวต่างประเทศเป็นเรื่องไกลตัว จริงๆ แล้วข่าวต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเรานะค่ะ เพราะโลกเราย่อลงมาแล้ว เป็นเรื่องใกล้ตัวเราแล้ว อะไรเกิดขึ้นที่ไหน ทุกคนรู้หมด เราอยู่เมืองไทยก็รู้แล้วว่า อะไรเกิดขึ้นที่อเมริกา ที่ไทยเราก็ได้รู้เหมือนกันหมด ทุกเรื่องมันเชื่อมโยงกัน บางครั้งเรารู้ข่าวสารต่างประเทศ แล้วหันมามองที่ไทยเรา จะสามารถมองอะไรได้กว้างขึ้นค่ะ"
หมั่นหาอาหารให้สมอง
"จริงๆ การแปลข่าวให้ได้ดี ต้องรู้ข่าวให้เยอะพอสมควร เพราะข่าวต่างประเทศไม่ใช่แค่ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ แปลแล้วมันก็จบ บางเรื่องมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่นำมาสู่เหตุการณ์นี้ ถ้าเราไม่ติดตามมาก่อนเลย แล้วอยู่ดีๆ มานั่งแปลอย่างเดียว มันจะไม่มีภูมิหลังเลย ทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ปอก็ต้องดูข่าวทางทีวี ทางออนไลน์ หนังสือพิมพ์ เราเติมได้หลายทางติดตามตลอด เติมทุกวัน การที่เราได้เติมให้มีอะไรๆ เข้าไปในหัวเข้าไปในสมองเยอะๆ เราถ่ายทอดอะไรออกมา มันจะแตกต่างจากการท่องจำ ถ้าเราพูดๆ ตามสคริปต์ ก็เหมือนการพูดแบบนกแก้วนกขุนทอง แต่ถ้าเราพูดแบบรู้จริง ที่ออกมาจากข้างใจ มันจะน่าฟังกว่าค่ะ"
อนาคตจะเปลี่ยนไป
"แรกๆ เลยปอก็ไม่ได้คาดหวัง ว่าจะมาทำงานหน้าจอ ไม่ได้คาดหวังว่า จะได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวทีวี เนื่องจากเราเป็นเด็กเรียน ก็ไม่ได้กล้าแสดงออกอะไรมากมาย แต่พอเราได้เข้ามาทำงานตรงนี้ ตอนนี้เรามีใจรักในงาน บางทีเด็กที่เข้ามาใหม่ๆ อาจจะอยากอยู่หน้าจอแบบผิวเผิน แต่เรามีความสุขกับการทำงานตรงนี้ด้วย (ยิ้ม) ถามถึงอนาคตต่อไปเหรอค่ะ พอเราทำงานเยอะๆ ตรงนี้แล้ว เป็นผู้ประกาศข่าวทีวี ทำงานเบื้องหน้าแล้ว แน่นอนว่าต่อไป จะต้องผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลัง ก็มีฝันอยากจะทำโปรดักชั่นเฮ้าส์เหมือนกันค่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไง เพราะมันต้องมีคอนเนกชั่น ต้องลงทุนสูง".












