"มีชัย" ยืดอก รับพิมพ์ผิด จำนวนสิทธิใช้เสียง ยกเว้นเลือกนายกฯ นอกบัญชี ยันต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ไม่ใช่ 3 ใน 5 ชี้ให้สิทธิ คสช.เลือก ส.ว.ขั้นสุดท้าย ป้องกันเลือกตามใจตัวเอง เมินร่วมเฟ้นสภาสูง แม้เป็น คสช. บอกขออยู่เฉยๆ ดีกว่า เผย "บิ๊กตู่" พอใจหลังปรับแก้ร่างฯ ใหม่ ย้ำไม่ขัดแย้ง คสช.

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 59 ที่โรงแรม ดิ อิมพีเรียล บีช รีสอร์ท หัวหิน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุม กรธ. นอกสถานที่วันที่ 3 ว่า เมื่อเช้า (25 มี.ค.) ตนรู้สึกตกใจที่เห็นสื่อมวลชนพาดหัวข่าวว่า "กรธ.กลับลำ 360 องศา" จากกรณีที่ นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. แถลงว่า กรณีที่ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอได้ แล้วจะขอยกเว้นให้ใช้คนนอกบัญชีเป็นนายกฯ โดยใช้เสียง 3 ใน 5 ของรัฐสภา นั้น ตนตกใจว่าเป็น 3 ใน 5 ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะที่ประชุมตกลงกันให้ใช้เสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 ของรัฐสภา ซึ่งนายอุดมก็ชี้แจงว่า เอกสารที่ใช้แถลงระบุชัดเจนว่า ใช้เสียง 3 ใน 5 เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นตัวเลขจริง ซึ่งขอยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะในตอนพิมพ์ตัวเลข มือคงจะพิมพ์เป็น 3 ใน 5 ซึ่งสมาชิกในที่ประชุมก็นึกว่าตนเปลี่ยนใจ จึงไม่ได้มีการทักท้วง หรือสอบถามความชัดเจน  
 
"ครั้งนี้ยอมรับว่า ผมพิมพ์ผิดเอง คงสับสนจึงทำให้มือพิมพ์ไปตามที่เถียงกัน ข้อเท็จจริงแล้ว ตัวเลขคือ 2 ใน 3 เพราะหลังจากการประชุม ผมกับสมาชิกก็ยังพูดกันถึงเสียง 2 ใน 3 สรุปแล้วมันคือเสียง 2 ใน 3 ขอรบกวนสื่อมวลชนช่วยปรับแก้ไขในความผิดพลาดของผมด้วย เพราะหลักการของเราคนที่จะมายื่นขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาต้องมี ส.ส.กึ่งหนึ่งจำนวน 250 คน จาก 500 คน และเวลาจะยกเว้น ต้องมีเสียงเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาอย่างน้อย 500 คน จาก 750 คน หากมีเสียงเห็นชอบเกิน 500 คน ทางสภาผู้แทนฯ ก็ไปเลือกนายกฯ อีกครั้ง โดยขั้นตอนนี้ ที่ ส.ว.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย" นายมีชัย กล่าว
 
นายมีชัย กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการประชุมทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า จากภาพการประชุมของทั้ง 2 วัน เป็นไปด้วยความล่าช้า ซึ่งสาเหตุเกิดจากตัวตนเอง เพราะเมื่อมีสมาชิกเกิดความสงสัย ตนก็ต้องอธิบาย ทำให้เสียเวลาไปมาก แต่หากตนไม่อยู่ในห้องประชุมก็ไม่มีใครสงสัย การประชุมก็ดำเนินไปได้เร็วขึ้น ส่วนกรณีที่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มา ส.ว. ที่ กรธ.กำหนดให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เลือก ส.ว.ทั้ง 250 คนนั้น ยืนยันว่าวิธีการดังกล่าวไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ เพราะ ส.ว.ไม่ได้เป็นผู้แต่งตั้งนายกฯ แต่คนที่เลือกนายกฯ คือ ส.ส. จึงไม่ใช่เป็นการสืบทอดอำนาจ อีกทั้งเวลายกเว้นไม่เอารายชื่อจากบัญชี ที่พรรคการเมืองเสนอเป็นนายกฯ เราก็โยนกลับไปให้เป็นหน้าที่ของ ส.ส. เป็นผู้เลือกเอง 
 
เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนให้ คสช.เป็นผู้เลือกในส่วนของ ส.ว.50 คนนั้น จะไม่เสียความตั้งใจที่ กรธ.ต้องการให้ใช้ระบบเลือกไขว้ตามบทถาวรหรือไม่ ประธาน กรธ.กล่าวว่า คิดว่าการได้ทดสอบระบบการเลือกแบบนี้ จะทำให้เห็นข้อดีข้อเสีย เพื่อให้สามารถกลับไปคิดได้ว่า จะต้องมีการปรับปรุงวิธีการที่ออกแบบมาอย่างไร ซึ่งการทดสอบครั้งแรกไม่เป็นไร ขอให้เลือกกันมาก่อน ตอนสุดท้ายเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกว่า ส่วนหนึ่งมาจากการเลือก และอีกส่วนหนึ่งมาจากการสรรหา จนกลายเป็นการแยกกันมา ดังนั้นจึงกำหนดให้ ส.ว.ให้มาจากที่เดียวกัน  
 
เมื่อถามว่า คนที่ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ว.50 คนแรก อาจทำให้เกิดความรู้สึกเสียใจได้ นายมีชัยกล่าวว่า ระบบวิธีการเลือกกันเอง คะแนนคงไม่แตกต่างกันมาก ประมาณ 10-20 คะแนน ส่วนกรณีที่การสำรองรายชื่อ ส.ว.ไว้อีก แบบละ 50 คนนั้น เพราะเมื่อคณะกรรมการสรรหาและ คสช. ทำหน้าที่เสร็จแล้ว ก็ถือว่าหมดหน้าที่ แต่หากเกิดปัญหาขึ้นก็จะได้ไม่ต้องกลับมาเลือกกันใหม่ โดยเลื่อนรายชื่อที่สำรองไว้ขึ้นมาตามลำดับแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้การเลือก ส.ว.แบบไขว้ โดยคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ได้มาซึ่งบัญชี ส.ว.ตามกลุ่มอาชีพ 200 คนนั้น เพื่อส่งให้ คสช. คัดเลือก ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไรก็ตาม กรธ.ยังไม่ได้เคาะระยะเวลาที่ต้องให้ได้ ส.ว.ทั้ง 250 คนเมื่อใด แต่เบื้องต้นคิดไว้ว่าจะให้เสร็จใกล้เคียงกับการเลือกตั้ง ส.ส. ให้กระบวนการในสภาสามารถเดินหน้าไปได้ 

...

เมื่อถามว่า การกำหนดให้ ส.ว.6 คน มาจากเหล่าทัพ จะมีผลต่อการทำประชามติหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ตอนที่เราระบุให้ ส.ว.มาโดยตำแหน่ง 6 คน หรือ ร้อยละ 2.5 สื่อมวลชนก็ลงว่าเป็นบุคคลใดบ้าง ถ้าสื่อมวลชนไม่ระบุ เราก็ไม่ใส่เจาะจง แต่เมื่อรู้กันแล้วก็ระบุให้จบเรื่องไป เพราะถ้าให้ตนนึกเองก็คงไปถึงปลัดกระทรวงกลาโหม
         
นายมีชัย กล่าวต่อว่า การระบุให้ คสช.เป็นผู้เลือก ส.ว. ในขั้นตอนสุดท้าย เพราะเห็นว่าเพื่อให้เกิดความพอดี ระหว่างคนสรรหากับคนเลือกควรจะเป็นคนละกลุ่มกัน และเป็นการป้องกันไม่ให้เลือกกันเองตามใจชอบ หากให้คณะกรรมการสรรหาตัดสินในขั้นตอนสุดท้าย อำนาจก็จะอยู่ที่คณะกรรมการสรรหา ก็จะขาดการตรวจสอบ แต่อย่างไรเสีย กรธ.ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยขั้นตอนสุดท้ายที่ คสช.จะเลือก ส.ว. จะต้องมีหลักเกณฑ์ในการเลือก แต่ กรธ.จะไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้ขึ้นอยู่กับ คสช.กำหนด 
 
เมื่อถามว่า เมื่อกำหนดให้ คสช.เป็นผู้เลือก ส.ว. ซึ่ง นายมีชัย เป็น คสช.อยู่ด้วย จะร่วมเป็นผู้คัดเลือกหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า การเลือกเราระบุให้คณะ คสช.เป็นผู้เลือก ซึ่งตนแม้จะเป็น คสช. ก็ไม่เข้าไปเลือกด้วย เพราะคิดว่าไปเลือกใครเขาก็ไม่รักเรา คนที่ไม่ถูกเลือกก็เกลียดเรา อยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่ต้องถอนตัว เวลาเข้าประชุมคัดเลือกก็ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมด้วย

เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่า ติดต่อกับ กรธ.ตลอดการทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุผลที่ทำให้ กรธ.ยอมปรับแก้ไขตามข้อเสนอ คสช.หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.เขียนมาตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่จะคุยกับนายกฯ ซึ่งตอนที่ได้คุยกับนายกฯ ก็ได้มีโอกาสเล่าให้นายกฯ ฟังว่า กรธ.ได้มีการเขียนอย่างไร ซึ่งนายกฯ ก็โอเค อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับทาง คสช. เพราะจดหมายที่ คสช.เสนอมา ระบุว่า เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา สื่อมวลชนก็ไปแปลความหมายว่าเป็นคำสั่ง คำสั่งเราได้รับเยอะ แต่ไม่เคยได้รับคำสั่งจาก คสช. เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ก็ได้รับมาอีกหนึ่งคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งของคนทั่วไป.