ศาลรอลงอาญา2ปี!เจ้าตัวยอมสำนึกผิดไม่อุทธรณ์คำตัดสิน
ศาลตัดสินจำคุก 14 เดือน ปรับ 7,500 บาท แต่ยังปรานีโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี หนุ่มเลือดร้อนยิงหมาตาย รับทำไปด้วยอารมณ์โมโหและความแค้นเหตุถูกไล่กัดเป็นประจำ น้อมรับคำตัดสิน พร้อมปรับปรุงตัวเอง เป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่ชอบทารุณ กรรมสัตว์
ศาลพิพากษาหนุ่มอารมณ์ร้อน ใช้อาวุธปืนยิงสุนัขเสียชีวิต เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ศาลอาญา ศาลมีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิชา บุญลือลักษณ์ จำเลยในความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ ฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกข์เวทนา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2558 เวลากลางคืน จำเลยมีอาวุธปืน ไม่ทราบชนิดและขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียน พร้อมกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดอีกหลายนัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกอาวุธดังกล่าวติดตัวไปตามถนนสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้อาวุธปืนยิงสุนัขสีขาวดำ หลายนัด กระสุนปืนถูกบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างของสุนัข เป็นเหตุให้ขาทั้ง 4 ข้างเป็นอัมพาต มีเลือดไหลออกในปอดจำนวนมาก ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สาขาลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กทม.
โดยนายวิชา จำเลยพร้อมทนายความ เดินทางมาศาลอาญา โดยมี น.ส.ภณิตา สุนทรัตต์ อายุ 47 ปี ผู้เข้าแจ้งความและดูแลสุนัขตัวดังกล่าว เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้แม้จำเลยจะอ้างว่าได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่ก็ไม่ได้นำสืบให้ จำเลยเบิกความกล่าวอ้างเพียงลอยๆว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน และยังอ้างเหตุที่ไม่ได้นำอาวุธปืนส่งพนักงานสอบสวน เพราะเกรงจะถูกขอขมาต่อกลุ่มพิทักษ์สัตว์ ทำให้เป็นข่าวดัง ในชั้นสอบสวนพบว่าจำเลยมีบุคคลใกล้ชิดไปเข้าฟังการสอบสวน ซึ่งขณะนั้นจำเลยสามารถที่จะนำอาวุธปืนของกลางและหลักฐานต่างๆมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการ ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนัก กรณีนี้จึงฟังได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงสุนัขให้ได้รับความทรมาน จึงเป็นความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานยิงอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือในที่ชุมชน
...
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ พ.ศ.2557 มาตรา 20 และ 31 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานกระทำทารุณกรรมสัตว์ จำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง รวมโทษจำคุกเป็นเวลา 14 เดือน และปรับ 7,500 บาท ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี พร้อมให้คุมความประพฤติจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน 4 ครั้ง และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง
ภายหลังนายวิชากล่าวว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาลทุกอย่างและคงไม่อุทธรณ์คดีแล้ว ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยถูกสุนัขตัวดังกล่าวไล่กัด ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลายครั้ง รวมทั้งคนอื่นๆก็เคยโดนมาด้วย ในวันเกิดเหตุก็ถูกสุนัขวิ่งไล่กัดอีก ตนจึงทำไปเพราะเกิดความโมโห ตนขอโทษต่อสังคมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมจะปรับปรุงตัวเองและบำเพ็ญประโยชน์ตามที่ศาลพิพากษา ด้าน น.ส.ภณิตา กล่าวว่า พอใจคำพิพากษา ซึ่งจะเป็นบทเรียนให้กับสังคม ตลอดเวลา 1 ปีเศษ ของการพิจารณาคดีตนคิดว่านายวิชาคงได้รับบทเรียน อยากฝากถึงสังคมและคนที่คิดจะทารุณกรรมสัตว์ ให้คิดว่าผิดกฎหมาย การสั่งสอนสัตว์เล็กๆ น้อยๆ ตามสมควรคงไม่มีปัญหา แต่หากลงโทษให้สัตว์ถึงแก่ความตาย คิดว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ