หนุ่มม้งเข็กน้อย หลงเดินทางผิดค้ายาเสพติด ศาลตัดสินประหาร แต่สารภาพเหลือจำคุกตลอดชีวิต ทำความดีจนได้รับพระราชทานอภัยโทษ 6 ครั้ง ถูกปล่อยตัวกลับสู่ครอบครัว มุ่งมั่นขอเดินเท้า 400 กม. ไปถวายพระพรในหลวงที่กรุงเทพฯ...
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 59 ที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก นางราตรี เอียดคง ผู้อำนายการสำนักงานคุมประพฤติเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก พร้อมด้วย นายสมยศ รอดแช่ม นายอำเภอหล่มสัก จัดขบวนเดินเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แก่ นายวิโรจน์ แซ่หว้า อายุ 36 ปี ชาวม้งบ้านเข็กน้อย หมู่ 11 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ อดีตนักโทษชายในคดีค้ายาเสพติด ซึ่งถูกศาลตัดสินประหารชีวิต
ทั้งนี้ เมื่อราวปี 2543 นายวิโรจน์ แซ่หว้า ถูกเจ้าหน้าที่ ปปส.จับกุม พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 98,000 เม็ด ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต ถูกส่งคุมขังที่เรือนจำกลางจังหวัดพิษณุโลก ระหว่างถูกจำคุกนั้นได้ประพฤติตนเป็นนักโทษชั้นดี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 6 ครั้ง ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมาหลังจากถูกจำคุกนาน 15 ปี 6 เดือน
ภายหลังได้รับอิสรภาพ นายวิโรจน์ แซ่หว้า เกิดสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเมตตาให้ตนเองได้มีโอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีอีกครั้ง จึงอยากถวายความจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้บอกแก่ นางราตรี เอียดคง ผอ.คุมประพฤติฯ ว่าอยากเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อลงนามถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว และจะเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติครบ 70 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ประจวบเหมาะกับวันสถาปนาครบรอบ 24 ปี กรมคุมประพฤติ และครบรอบ 125 ปี กระทรวงยุติธรรมอีกด้วย
...
ทาง นางราตรี เอียดคง ผอ.สนง.คุมประพฤติฯ จึงตอบรับและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานราชการหลายฝ่าย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนในความมุ่งมั่นในการทำความดีของนายวิโรจน์
ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลงเดินทางผิด เกือบเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า ระหว่างถูกจำคุกจึงคิด และสำนึกผิดในสิ่งที่ได้กระทำมา ตั้งใจว่าหากมีโอกาสได้รับอิสรภาพอีกครั้งจะขอทำแต่ความดี ไม่หวนกลับคืนไปหาสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้สมดังที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษหลายครั้ง จนได้รับอิสรภาพอีกครั้ง รู้สึกมีความสุขที่สุดที่ได้กลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว หลังจากรอคอยนานกว่า 15 ปี ตนตั้งใจเดินถวายพระเกีรยติ และลงนามถวายพระพรแด่ในหลวงที่กรุงเทพฯ ด้วยความตั้งมั่นเต็มร้อย จะใช้เวลากี่วันกี่คืนก็จะทำให้สำเร็จ โดยมีข้าราชการบางคนมอบเงินช่วยเหลือสนับสนุนค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายระหว่างทางด้วย
นอกจากนี้ นางหว้า แซ่ลี และ นายซ้ง แซ่หว้า บิดาและมารดาได้นำรถกระบะติดตาม เตรียมอาหารและน้ำไว้ให้ คอยช่วยเป็นกำลังใจให้ลูกชายทำได้สำเร็จสมดังที่ตั้งใจไว้.