ใช้ดีเซลหมดแล้ว ‘ผู้โดยสาร’ยังผวา แต่จำเป็นต้องนั่ง
ชั่วโมงเร่งด่วน คนยังแน่นเรือด่วนคลองแสนแสบ ผู้โดยสารบ่นทั่ว กลัวแต่ก็ต้องใช้ เพราะประหยัดเวลา บางคนบอกขอยืนให้ ห่างจุดที่เคยติดตั้งก๊าซ ขณะที่เจ้าของสั่งถอดอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซให้เหลือระบบดีเซลอย่างเดียว ส่วนจะขึ้นราคาหรือไม่ ต้องรอข้อสรุปและเป็นไปตามกลไกราคาน้ำมัน ด้านตำรวจสอบปากคำไปแล้ว 40 ปาก ส่วนคนเจ็บยังอยู่ไอซียูอีก 4 คน
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสกับนายกวิน สกาวจิต อายุ 40 ปี วิศวกรติดตั้งระบบก๊าซแอลเอ็นจี เรือโดยสารขนาด 80 ที่นั่ง วิ่งระหว่างท่าเรือวัดศรีบุญเรือง-ท่าเรือประตูน้ำ ที่มีบริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด เป็นเจ้าของ เกิดเหตุระเบิดขณะจอดรับส่งคนที่ท่าเรือวัดเทพลีลา มีผู้บาดเจ็บ 66 คน โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพบรอยรั่วซึมบริเวณข้อต่อระหว่างหม้อต้มกับกรองก๊าซถึง 4 จุด ส่วนสาเหตุการเกิดระเบิดยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ขณะที่ รมช.คมนาคม สั่งตรวจสภาพเรือทั่วประเทศห้ามใช้ก๊าซ และเล็งเปลี่ยน เรือใหม่ติดแอร์มาให้บริการแทนในคลองแสนแสบ
ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 มี.ค. บรรยากาศบริเวณท่าเรือ อ.16 วัดเทพลีลา ซอยรามคำแหง 39 เขตบางกะปิ ยังมีประชาชนมายืนรอใช้บริการเรือด่วนคลองแสนแสบกันเป็นจำนวนมาก โดยเรือที่มุ่งหน้าขาเข้าปลายทางประตูน้ำพบว่ายังมีผู้โดยสารใช้บริการเต็มลำทุกเที่ยว ขณะที่ในช่วงเย็นก็ยังมีผู้โดยสารใช้บริการเต็มลำเช่นกัน ทั้งนี้ บริเวณด้านท้ายเรือที่มีเหตุระเบิดนั้น ยังมีประชาชนที่ใช้บริการ ยืนอย่างหนาแน่นตามปกติ ถึงแม้ส่วนใหญ่ยังกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย แต่เป็นเพราะช่วงเวลาที่เร่งรีบจึงจำใจต้องยืนอยู่ในจุดดังกล่าว
...
นายประวุฒิ วสิกชาติ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาการตลาด ปี 4 หนึ่งในประชาชนผู้ใช้บริการเรือโดยสารเป็นพาหนะ เปิดเผยว่า หลังเหตุเรือโดยสารระเบิด รู้สึกกลัวๆอยู่บ้าง แต่ยังเลือกที่จะใช้บริการเพราะประหยัดเวลาเดินทาง หากนั่งรถเมล์จากบ้านพักย่านนวมินทร์ไปลงประตูน้ำ จะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง แต่ถ้านั่งรถเมล์จากนวมินทร์แล้วมาต่อเรือที่ท่าน้ำวัดเทพลีลาไปประตูน้ำ จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ถึงแม้จะทราบว่าเป็นความบกพร่องของอุปกรณ์ไม่ใช่ก๊าซ ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ และเลือกที่จะยืนหรือนั่งให้ห่างจากจุดที่เคยติดตั้งถังไว้ แม้จะเลิกใช้ระบบก๊าซแล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับ น.ส.ณัฐชยา แดงนุ้ย อายุ 23 ปี พนักงานบริษัท แสงทองผ้า จำกัด กล่าวว่า ที่ทำงานอยู่ย่านรามคำแหง 19 ส่วนที่พักอยู่ย่านบางกะปิ ปกติจะใช้บริการรถประจำทาง แต่ถ้าวันไหนรีบอย่างวันนี้ ถึงจะใช้บริการทางเรือ สาเหตุเพราะทุกวันนี้เรือโดยสารไม่ค่อยมีความปลอดภัยทั้งเวลาขึ้น-ลงเรือ ตัวเรือเองก็เก่าสมควรที่จะเปลี่ยนใหม่ อีกทั้งผู้โดยสารส่วนใหญ่ต้องยืน แต่ไม่มีราวหรือที่จับที่มั่นคง ทุกวันนี้ยังต้องจับเชือกที่ขึงอยู่ระหว่างเสาเรือแต่ละเสา การแล่นเรือก็เร็วเกินไป บางลำการบริการการพูดจาไม่สุภาพถ้าเลือกได้หรือมีการเดินทางอื่น จะเลือกไปทางอื่นมากกว่า
ขณะที่นายเชาวลิต เมธยะประภาส อายุ 64 ปี เจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเรือด่วนคลองแสนแสบ เปิดเผยว่า ทราบข่าวที่กระทรวงคมนาคมสั่งห้ามเรือโดยสารทุกชนิดติดตั้งก๊าซทุกประเภทวิ่งรับผู้โดยสารในทุกเส้นทางแล้ว ตนเห็นด้วยและพร้อมจะน้อมรับโดยทันที ในส่วนเรือของตน 25 ลำ ที่ติดตั้งก๊าซแอลเอ็นจี ได้ถอดถังก๊าซออกทั้งหมดแล้วทุกลำ ที่ให้บริการอยู่ขณะนี้กว่า 50 ลำได้กลับมาใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด ถึงแม้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อให้ประชาชนที่มาใช้บริการได้รับความปลอดภัยมากที่สุด ส่วนที่จะขึ้นราคาค่าโดยสารหรือไม่นั้นต้องรอให้มีข้อสรุปออกมาก่อน ต้องเป็นไปตามราคาน้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตาม คงต้องเป็นไปตามกฎข้อบังคับต่างๆของกรมเจ้าท่า และกระทรวงคมนาคม
ด้าน พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเสร็จสิ้นไปแล้ว 40 ปาก เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ 30 ปาก ที่เหลือเป็นผู้เกี่ยวข้องทั้งคนขับเรือ เด็กในเรือ วิศวกรที่ติดตั้งถัง เจ้าหน้าที่ ปตท. เจ้าของเรือ รวมไปถึงพยานในจุดเกิดเหตุ และยังเหลือสอบผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังไม่มาให้การอีกบางส่วนเนื่องจากบางคนติดธุระ ในส่วนของผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ยังมีอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ 17 ราย มีผู้บาดเจ็บที่ยังคงอยู่ในห้องไอซียู อีก 4 ราย คือ รพ.กรุงเทพ 3 ราย รพ.เพชรเวช 1 ราย ยังต้องเฝ้าระวังแผลติดเชื้อ ส่วนขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใครเพิ่มนอกจากวิศวกรผู้ติดตั้งถังก๊าซเท่านั้น คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 10-15 วัน จะส่งฟ้องได้ เพราะต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานมาประกอบสำนวนเสียก่อน
สำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส 4 รายมีดังนี้ 1.นายมูฮำหมัด หะยีสะมะอุง (รพ.เพชรเวช) 2. น.ส.ศศิมล รวมปาน (รพ.กรุงเทพ) 3. นายสัญชัย ขวัญสุด (รพ.กรุงเทพ) 4.นายวรา อำนวยพร (รพ.กรุงเทพ)