หนุ่มใหญ่เจ้าของปั๊มชาวเพชรบูรณ์ ถูกคนร้ายฆ่าโหด ฟัน แทงเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่าง เลือดกระเซ็น 3 เมตร กะโหลกศีรษะด้านหลังยุบ ก่อนชิงสร้อยทองมูลค่านับแสนบาทหนีลอยนวล ตร. คาดเป็นคนรู้จัก เนื่องจากบ้านไร้รอยงัดแงะ

วันที่ 8 มี.ค. 59 น. ร.ต.อ.หญิง วิรินทร์ญา กุลนนท์เลิศสิน พงส.สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมในบ้านเลขที่ 14 หมู่ 1 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผกก.สส.สภ.หล่มสัก และแพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสัก เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจังหวัดเพชรบูรณ์ รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณด้านหลังปั๊มน้ำมันไม่มีชื่อ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น บริเวณพื้นห้องโถงพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายสง่า จำปาแสง อายุ 52 ปี นอนหงายจมกองเลือด และมีคราบเลือดกระเซ็นทั่วพื้นไกลกว่า 3 เมตร ชันสูตรพบบาดแผลถูกฟันแทงด้วยของแข็งเป็นแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยยาว 10 เซนติเมตร 2 แผล คาง 1 แผล สะบักหลังข้างซ้าย 1 แผล ใต้กระดูกไหปลาร้าซ้าย 1 แผล คาดว่าเป็นมีดขนาดใหญ่ กะโหลกศีรษะด้านหลังยุบน่วม บริเวณมือข้างซ้ายกำพระเครื่องไว้ 1 องค์

สอบสวน นางมะลิ สายคำตา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 1 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก พี่สาวผู้ตายให้การว่า น้องชายเปิดปั๊มน้ำมันอยู่หน้าบ้านพัก อาศัยอยู่ลำพังเพราะยังไม่มีครอบครัว ปกติจะเปิดให้บริการปั๊มน้ำมันเวลา 08.00-20.00 น. โดยก่อนหน้านานมาแล้วเคยถูกคนร้ายย่องงัดบ้าน จากนั้นน้องชายจึงไม่เคยเก็บของมีค่าไว้ที่บ้านอีกเลย มีเพียงเครื่องประดับทองคำที่เป็นสร้อยข้อมือและแหวนทองคำที่ใส่ติดตัวตลอดเวลา แต่หลังถูกฆ่าพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท หายไป ส่วนแหวนทองคำที่นิ้วนางข้างซ้ายยังอยู่

...

นอกจากนี้ ช่วงเย็นของทุกวัน นางไพเราะ ไชยสิทธิ์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 ต.หนองไขว่ น้องสาวต่างมารดาซึ่งปลูกบ้านอยู่ด้านหลังบ้านของผู้ตาย จะทำกับข้าวอาหารมาส่งให้ เท่าที่ทราบผู้ตายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร มีอุปนิสัยร่าเริง มักไปดื่มสุรากับเพื่อนเป็นประจำ ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการ มีบางรายเป็นลูกหนี้จำนวนเงินรายละไม่มาก กระทั่งเช้าวันนี้ นางไพเราะ เห็นผิดสังเกตจึงแวะมาหา พบประตูหลังบ้านเปิดทิ้งไว้ เดินเข้ามาพบผู้ตายนอนเสียชีวิตแล้ว

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการตรวจสอบที่เกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี เพราะไม่มีร่องรอยงัดแงะที่ประตู หลังคนร้ายเข้ามาในบ้านอาจฉวยจังหวะที่ผู้ตายเผลอหันหลัง ก่อนใช้อาวุธที่คาดว่าเป็นมีดอันใหญ่ฟันเป็นแผลฉกรรจ์แต่ยังไม่เสียชีวิต คนร้ายจึงจับศีรษะกระแทกกับพื้นจนกะโหลกด้านหลังน่วมและยุบ ก่อนขโมยสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ และดึงพระเครื่องออกมาใส่ไว้ในมือผู้ตาย จากนั้นหลบหนีไป

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าช่วงเวลาประมาณ 04.00-05.00 น. ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี และก่อเหตุเพื่อประสงค์ต่อสร้อยทองของผู้ตายซึ่งมีมูลค่าแสนกว่าบาท.