เมื่อใดที่ดูข่าวมีปัญหากับทรัพย์สินมีค่า...ไม่ว่าเงิน โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ฯลฯ ใจเจ้าเณรเก่าอย่างผม ก็มักประหวัดไปถึง ตอนอายุครบบวชเป็นพระ
ผ่านกระบวนการ...ที่เรียกว่าญัติจตุตถกรรม...คือสงฆ์เห็นชอบกันให้บวชเป็นพระภิกษุได้แล้ว พระอุปัชฌาย์ ท่านก็ยื่นผ้าไตรจีวรให้
ไตรจีวรก็คือผ้าสามผืน...ผ้าที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ภิกษุใช้จีวร 1 สบง 1 สังฆาฏิ 1 ต่อมาก็ทรงอนุญาตให้มีผ้าอาบ เอาไว้อาบน้ำฝน อีก 1
ตามพระวินัย...พระมีผ้าได้แค่ 3–4 ผืน นี่แหละ
พระได้ผ้าผืนใหม่มา จะเปลี่ยนท่านก็อนุญาต แต่หากพระรูปใดห่มแต่ผ้าไตรจีวรชุดเดียว ท่านก็ยกย่องในความสันโดษ ถือเป็นธุดงค์ อย่างหนึ่ง
นอกจากผ้าที่จำเป็นสามผืน พระยังมีของใช้จำเป็นอีก 5 อย่าง บาตร มีดโกน หรือมีดตัดเล็บ เข็ม (เอาไว้เย็บผ้า) ประคดเอว และธัมกรก คือเครื่องกรองน้ำ
รวมเป็น 8 อย่าง เรียกว่าอัฐบริขาร
อื่นๆ นอกจาก 8 อย่างนี้ ว่ากันตามพระวินัย...ท่านไม่อนุญาตเก็บไว้...ขนาดผลไม้ที่มีคนถวาย พระเก็บค้างคืนเอาไว้ รุ่งขึ้นเอามาฉันต่อ ท่านยังปรับเป็นอาบัติ...ทุกคำกลืน
เป็นพระใหม่...ใหม่หมาดๆ รับประเคนข้าวของถวายจากญาติโยมแล้ว...เดินกลับถึงกุฏิ สิ่งแรก...ที่พระพี่เลี้ยงสั่งให้ต้องทำ...ก็คือเปลื้องสบง จีวร สังฆาฏิออกมา ทำพินทุ
เอาดินสอ...ไปวนๆทำเป็นจุดวงกลมเล็กๆ หรือทำจุดเหมือนหยดน้ำ...ตรงมุมผ้า...ระหว่างวนดินสอ ภาวนา (ว่าตามพระพี่เลี้ยง) ว่า อิมัง พินทุกัปปัง กโรมิ ซ้ำสามครั้ง
พินทุกัปปะเป็นภาษาพระวินัย ทรงบัญญัติไว้ว่า ภิกษุได้จีวรใหม่มาต้องทำพินทุกัปปะก่อนใช้...ทุกครั้ง
สีที่ใช้...สีหนึ่งสีใด สีเขียวคราม สีโคลน หรือสีดำคล้ำ ขนาดจุด... เล็กเท่าหลังตัวเรือด หรือใหญ่เท่าแววตานกยูงก็ได้
...
พระผู้รู้อธิบาย...ที่ต้องทำพินทุ เหตุผลแรกเพื่อทำให้ผ้าเสียสี หรือทำให้มีตำหนิ เป็นของเก่าไม่งาม จะได้ไม่เป็นที่ต้องการของขโมย เหตุผลต่อมา เป็นเครื่องหมาย...ให้จำได้ว่าเป็นของตน
สมัยหนุ่ม ผมเชื่อคำอธิบายนี้ แต่เมื่อเริ่มแก่ตัว แก่ธรรมะ...อ่านธรรมะข้อไตรลักษณ์ ทุกสิ่งเกิดขึ้น เสื่อมสลาย และดับ...ก็ปักใจเชื่อว่า เหตุผลในการทำพินทุผ้า...เพื่อทำให้ผ้าให้เก่านั้น...เป็นคติสอนให้โน้มใจไปทางธรรม
สมัยพุทธเจ้า ผ้าเป็นของหายาก พระพุทธองค์แนะให้เดินหาผ้าห่มผี หรือผ้าที่คนทิ้ง...เอามาซักย้อมและเย็บปะติดปะต่อเป็นผืน...แล้วก็หาสิ่งของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น
พระหาของมีค่าไว้มากๆ เริ่มแต่ห่มจีวรสวย ผ้าเนื้อดี ซักจีวรตากไว้ ใจก็พะวงหลงห่วงผ้า...ทำสมาธิภาวนาก็ว้าวุ่น
สรุป การทำพินทุผ้า ทำผ้าสวยให้มีตำหนิ ไม่มีค่า เป็นคำสอนบทแรก...สอนให้พระเรียนรู้การละวาง เริ่มจากบทละวางตั้งแต่จีวร เรื่องง่ายๆ แล้วก็เริ่มละวาง เรื่องที่ยากๆ...ต่อไป
เช่น ละวาง โลกธรรม 8 ประการ มียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ สุขทุกข์ นินทาสรรเสริญ
พระสมัยใหม่ท่านนิยมใช้คำทักญาติโยม “เจริญพร” การให้พรค่อนเป็นคำทักแบบโลก แต่พระบางรูป ท่านใช้คำ “เจริญธรรม” มีความหมาย...ไปในทางธรรมมากกว่า
ดูข่าวดีเอสไอไปตรวจรถยนต์หลวงพี่น้ำฝน เป็นยี่ห้อจากัวร์ หรือยี่ห้อแพนทอม...นัยว่ายี่ห้อรถเก่าราคาแพง
ผมฟังหลวงพี่เจริญพรแก้ข้อกล่าวหา มีรถยนต์เก่าเอาไว้เจริญตาญาติโยม...เรียกศรัทธาหาเงินบริจาคเอาไปสร้างโบสถ์วิหาร สร้างโรงเรียน แล้วก็ได้แต่เสียดาย
ทุกๆคำเจริญพรหลวงพี่น้ำฝน ไม่มีความหมาย...ในทางเจริญธรรม ซ้ำหลวงพี่ยังแจกท้าวเวสสุวรรณให้ญาติโยมเอาไว้กันผี...สนองศรัทธาที่แห่กันมาเป็นกำลังใจ
เมื่อพระท่านยังละวางของท่านไม่ได้ เรื่องจะหวังมาสอนให้ญาติโยมละวางบ้าง ก็คงยากเต็มที.
กิเลน ประลองเชิง