เพชรพระอุมา...สุดยอดวรรณกรรมที่สามารถครองใจนักอ่านมาเนิ่นนานหลายทศวรรษ ณ วันนี้ กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน จาก รพินทร์ ไพรวัลย์ ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็น สุภาพบุรุษแห่งพงไพร ถูกตัดทอนดัดแปลงด้วยน้ำมือของคนบางจำพวก จนแปรเปลี่ยนไปเป็นรพินทร์คนใหม่ที่มีหัวใจแบบชายรักชาย แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือ ม.ร.ว.หญิง ดาริน น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลวราฤทธิ์ ถูกปรับจับขยี้ให้ไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเชษฐา ผู้เป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกัน...
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงเป็นที่มาให้ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ พนมเทียน เจ้าของนามปากกาชื่อก้องของวงการนวนิยายเมืองไทยวัย 83 ปี ออกมาสะกิดเตือนนักเขียนรุ่นลูกให้ตระหนักรู้ว่า “หากคุณปรับเปลี่ยนเขียนแต่งนวนิยายอมตะอย่างเพชรพระอุมาให้ออกมาผิดรูปผิดรอย จนกลายเป็นเรื่องราววิบัติหยาบคาย ชั่วช้า คุณอาจถูกดำเนินคดี ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น”
...
ทว่า เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ แฟนฟิคคิดต่างบางคนได้ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการห้ามปรามของนักเขียนชั้นครู พร้อมกับให้เหตุผลที่ว่า การที่พนมเทียนออกมาประกาศเช่นนี้ เป็นเสมือนการทำร้ายตัวเอง เหตุเพราะการกล่าวห้ามดังกล่าว จะไปหยุดกระแสที่ช่วยโฆษณาผลงานของพนมเทียน และตัวพนมเทียนเองไม่ใช่หรือ ที่เป็นผู้ทิ้งเชื้อสัมพันธ์รักระหว่างรพินทร์ และแงซายไว้ในเพชรพระอุมา!
กระนั้น ทีมข่าวเฉพาะกิจแห่งไทยรัฐออนไลน์ จึงถือโอกาสนี้ ทำหน้าที่คลี่คลายทุกข้อกังขา จับข้อสงสัยต่างๆ นานา ของชาวเน็ต ชนคำตอบสดๆ ร้อนๆ จากปากราชันนักเขียน...หัวใจผู้ประพันธ์แตกสลาย รพินทร์-แงซาย ถูกย่ำยีหมดความขลังทางบทประพันธ์ สุดท้าย เพชรพระอุมา อมตะวรรณกรรมน้ำงามของไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตาม!
ทิ้งเชื้อจิ้นรพินทร์-แงซาย! สรุปสุดท้าย ผู้กอง-จอมพเนจร สัมพันธ์รักแบบใด?
ภายหลังจากที่มีชาวเน็ตออกมาแสดงทรรศนะว่า พนมเทียนเขียนเรื่องราวระหว่างรพินทร์-แงซายไว้สองแง่สองง่ามชวนให้คิดไปไกล และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาให้แฟนฟิคหยิบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปเขียนเป็นนวนิยายชายรักชาย
โดยเจ้าของบทประพันธ์อมตะตลอดกาล ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า จากบางช่วงบางตอนของเพชรพระอุมา อาจมีบทสนทนาบางถ้อยคำระหว่างรพินทร์ และแงซายที่ทำให้ผู้อ่านคิดไปไกลเป็นอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะฉากๆ หนึ่งที่แงซายพูดกระเซ้าเย้าแหย่กับรพินทร์ว่า “ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมเป็นเมียผู้กองไปแล้ว...” ซึ่งการสนทนาของทั้งคู่นั้น เป็นความรู้สึกของเพื่อนพ้องผู้ร่วมเป็นร่วมตาย มิใช่ความสัมพันธ์แบบรักๆ ใคร่ๆ แน่นอน
เสียใจเพียงใด? เพชรพระอุมาแฟนฟิคเนื้อหาส่ออนาจาร!
เจ้าของนวนิยายอมตะตลอดกาล บอกเล่ากับทีมข่าวอย่างเปิดอกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสอ่านแฟนฟิคเพชรพระอุมาที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งสั่งซื้อหนังสือแฟนฟิคเพชรพระอุมาที่ประกาศขายในอินเทอร์เน็ตให้จัดส่งมาที่บ้านอยู่เสมอ และจากการอ่านแฟนฟิคเป็นจำนวนมาก พบว่า แฟนฟิคแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1. ผู้ที่ชื่นชอบเพชรพระอุมาอย่างจริงแท้ จึงแต่งนวนิยายต่อเติมจากเดิมด้วยความเหมาะสม ซึ่งตนไม่ได้ถือสาอะไร แต่อยากขอเตือนว่า การแต่งเพชรพระอุมาขึ้นอีก ทั้งๆ ที่ได้จบบริบูรณ์ไปแล้วนั้น เนื้อหาที่งอกเงยขึ้นมาใหม่อาจบ่ายเบี่ยงไปจากเจตนารมณ์เดิมของผู้ประพันธ์
...
ส่วนประเภทที่ 2 คือ ผู้ที่นำเพชรพระอุมาไปดัดแปลงแต่งใหม่ จนทำให้เนื้อหามีความชั่วช้าอนาจาร ซึ่งแฟนฟิคประเภทดังกล่าว มีความผิดทางกฎหมาย และโทษหนักถึงขั้นจำคุก
ชายชราวัย 83 ปี เจ้าของนามปากกา พนมเทียน หยิบหนังสือที่มีเรื่องราวชายรักชายขึ้นมา เขาจดจ้องตัวอักษรในหนังสือที่อ้างอิงจากเค้าโครงของเพชรพระอุมา พร้อมพูดอย่างเชื่องช้า แต่ชัดเจนในความรู้สึกของผู้ฟังว่า “พ่อรู้สึกเสียใจอย่างมาก เอกลักษณ์ของตัวละครถูกเปลี่ยนแปลงไปหมด เรื่องราวผิดแผกออกไปจากวัตถุประสงค์เดิมของพ่อผู้เป็นเจ้าของบทประพันธ์ เพราะฉะนั้น พ่อจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า อย่าย่ำยีเพชรพระอุมากันเลย อย่าทำแบบนี้กันเลยนะลูกหลาน”
ฉากใดในแฟนฟิคที่ “พนมเทียน” ราชันนักเขียนสุดทน?
เจ้าของบทประพันธ์อันเลื่องช่ือ กล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ภายหลังจากทีมข่าวได้ถามว่า “ฉากใดในแฟนฟิคที่คุณพ่อรู้สึกรับไม่ได้อย่างที่สุด?” ฉัตรชัย หรือ พนมเทียนตอบเสียงดัง ได้ยินไปทั่วทั้งห้องรับแขกว่า “เนื้อเรื่องส่วนหนึ่งที่มาจากเพชรพระอุมาภาคพิสดาร เขียนได้เลวร้ายอย่างมาก เช่น เมื่อใดก็ตามที่รพินทร์เผลอไผล เชษฐาและดาริน จะแอบมีเซ็กซ์ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ทั้งคู่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ รพินทร์แอบไปเห็นเข้าจึงเกิดอารมณ์ เลยไปฟัดกับลูกสาวชาวบ้านก่อนที่จะออกเดินป่า ส่วนอนุชา และหนานอิน ยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ เขาทั้งคู่มีเซ็กซ์ในรูปแบบชายรักชาย”
...
“พ่อขอพูดว่า อุบาทว์ รับไม่ได้ ถ้าลองไปเปิดดูในเพชรพระอุมาภาคพิสดาร จะพบว่า คนเขียนได้บรรยายฉากมีเซ็กซ์ไว้อย่างละเอียดยิบ สาธยายทุกการกระทำ ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้เขียนในลักษณะนี้ ไม่ได้มีความประสงค์ดีต่อนวนิยายของผู้ประพันธ์ เพราะถ้าประสงค์ดี ก็ไม่น่าจะเขียนในรูปแบบที่ชั่วช้าอัปรีย์แบบนั้น” เจ้าของบทประพันธ์ ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ห้ามเขียนแฟนฟิค = หยุดโฆษณาผลงาน” พนมเทียน คิดเห็นอย่างไร?
ผู้สื่อข่าวถามพนมเทียน ราชันนักเขียนของเมืองไทยตามพาดหัวรองด้านบน ซึ่งได้รับคำตอบจากนักเขียนชั้นครูว่า “พ่อไม่แคร์ ตลอดทั้งชีวิตที่พ่อได้มีโอกาสจรดปากกาสร้างสรรค์ผลงาน พ่อผลิตงานทุกชิ้นออกมาด้วยอารมณ์ของศิลปิน อารมณ์ในที่นี้ คือ อารมณ์ของความต้องการที่จะให้เกิดความดีงามในวงการวรรณศิลป์ เพราะฉะนั้น การที่พ่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและปกป้องผู้อ่านที่รักเพชรพระอุมาอย่างจริงแท้ พ่อต้องไปแคร์ความรู้สึกของคนที่ตำหนิติเตียนการทำความดีเช่นนี้ด้วยหรือ”
...
“พ่อก็อยากรู้เหมือนกันว่า การที่คนบางจำพวกนำนวนิยายของพ่อไปบดขยี้จนเสื่อมเสียชื่อเสียง สุดท้าย คนรักเพชรพระอุมาส่วนใหญ่ จะพิจารณาในเรื่องนี้เช่นไร คุณจะเลือกอยู่ฝั่งไหน จะอยู่ฝั่งพ่อ หรือฝั่งที่ทำลายเพชรพระอุมา” พนมเทียน ถามหาความชอบธรรมจากชาวหนองน้ำแห้ง
ฝีมือแฟนฟิคเพชรพระอุมา บรมครูพนมเทียนให้กี่คะแนน?
พนมเทียน บรมครูด้านวรรณกรรม มีโอกาสได้อ่านนวนิยายดัดแปลงเพชรพระอุมามาหลายต่อหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละคนมีสำนวนภาษา วิธีการต่อยอดเรื่องราวแตกต่างกันออกไป และจากฝีไม้ลายมือของเหล่าแฟนฟิคทั่วราชอาณาจักร บรมครูด้านวรรณกรรม ได้วิจารณ์ผลงานของคนเหล่านี้ไว้ว่า “พ่อไม่รู้จะให้คะแนนอย่างไร คิดแต่เพียงว่า สำนวนแบบนี้ เขาจะต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะเขาไม่มีศิลปะในการประพันธ์เลย เขาคิดอย่างไรก็เขียนออกมาดิบๆ แบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านภาษา ด้านสำนวน ยังไม่มีส่วนใดที่พ่อรู้สึกประทับใจ”
ทว่า สุดยอดครูด้านวรรณกรรม ได้บอกใบ้เคล็ดลับการเขียนผลงานให้ออกมาครบถ้วนทุกตำรับคุณค่าวรรณกรรมว่า ผู้ที่จะเป็นนักเขียนชั้นดี ต้องเป็นพหูสูต กล่าวคือ ผู้เขียนต้องรอบรู้ในสิ่งที่ตนจะเขียน ซึ่งการรอบรู้ในที่นี้ เกิดขึ้นได้จากการศึกษาหาความรู้ต่างๆ เพราะพหูสูต มิได้บังเกิดขึ้นเองได้ตั้งแต่ในครรภ์ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้เขียนต้องเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณศาสตร์ ผู้เขียนก็ต้องศึกษาเรื่องโบราณศาสตร์ให้ถ่องแท้ หากผู้เขียนต้องเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ผู้เขียนก็จะต้องสอบถามผู้รู้ให้ละเอียดถ้วนถี่เสียก่อน
เปิดตำรากฎหมาย แต่งฟิคผิดลิขสิทธิ์ไหม?
นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์และคอมพิวเตอร์ กล่าวตามบริบทกฎหมายว่า การนำนวนิยายเรื่องเพชรพระอุมา หรือเรื่องใดๆ ก็ตามมาทำการประพันธ์ ดัดแปลง ต่อเติมเพิ่มตามใจชอบ (หรือที่เรียกว่า การแต่งฟิค) นั้น โดยหลักการแล้ว หากสามารถพิสูจน์ได้ว่า นำเค้าโครงมาจากเรื่องเพชรพระอุมาจริงๆ จะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากนวนิยายเรื่องเพชรพระอุมาเป็นงานลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรม
“ในกรณีที่มีการปรับแต่งนวนิยายดั้งเดิม แล้วนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นแฟนคลับที่มีความชื่นชอบและแต่งขึ้นเพื่อความสนุกสนานส่วนตัว กรณีเช่นนี้ก็ถือว่าผิด เพราะถือว่ากระทบกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ดังนั้น ผู้ประพันธ์เพชรพระอุมา มีสิทธิ์ฟ้องได้” ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์และคอมพิวเตอร์ ให้ข้อมูลทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามรายละเอียดความผิดการละเมิดลิขสิทธิ์กับ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์ฯ อีกว่า “การละเมิดลิขสิทธิ์ มีความผิดตั้งแต่นำบทประพันธ์มาดัดแปลง หรือจะละเมิดลิขสิทธิ์ก็ต่อเมื่อถูกนำมาใช้ในทางพาณิชย์?” ซึ่งได้รับคำตอบจาก นายไพบูลย์ ว่า แม้จะดัดแปลงนวนิยายขึ้นใหม่ เพื่อจุดประสงค์ในการอ่านส่วนตัว ก็ต้องมาพิจารณาต่อว่า การดัดแปลงเช่นนี้กระทบถึงเจ้าของนวนิยายหรือไม่
ทั้งนี้ หากดัดแปลงนวนิยายแล้วนำมาอ่านเพียงคนเดียว ถือว่าไม่มีความผิด แต่เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งนำเค้าโครงจากนวนิยายต้นฉบับมาปรับแต่งขึ้นใหม่ พร้อมกับเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่างๆ การกระทำเช่นนี้ถือว่ามีความผิดทันที เนื่องจากอาจส่งผลให้บุคคลโดยทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดว่า เพชรพระอุมามีตอนใหม่
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์และคอมพิวเตอร์ กล่าวถึงความผิดโดยละเอียดว่า “สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในกฎหมายลิขสิทธิ์ คือ สิทธิทางศีลธรรม โดยสิทธิทางศีลธรรมมีความหมายสรุปโดยรวมว่า ห้ามผู้ใดตัดทอน บิดเบือนเนื้อหาหรือตัวงานลิขสิทธิ์ จนทำให้เสียคุณค่าในเชิงวรรณกรรม เพราะฉะนั้นเมื่อคุณดัดแปลงนวนิยาย จะถือว่า คุณมีความผิด โดยความผิดในส่วนแรก คือ ละเมิดลิขสิทธิ์ และส่วนที่สอง คือ การดัดแปลงนวนิยายอาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของผู้แต่ง”
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์และคอมพิวเตอร์ ขยายความต่ออีกว่า ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งนำเค้าโครงจากนวนิยายมาดัดแปลง โดยมิได้ใช้ชื่อตรงกันกับตัวละครจริง เช่น ดาริน ในเพชรพระอุมา ถูกปรับมาเป็น รินดา หรือ รพินทร์ ในเรื่องถูกปรับเป็น รพี เป็นต้น การกระทำเช่นนี้ หากพิสูจน์ได้ว่า แต่งขึ้นโดยใช้เค้าโครงจากเพชรพระอุมา ก็ถือว่า มีความผิด
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าว มีบทกำหนดโทษตามมาตรา ๖๙ โดยมีใจความว่า ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๕๒ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สุดท้าย ชาวหนองน้ำแห้งทั้งหลาย
จะเลือกอยู่ฝั่งไหน จะอยู่ฝั่งพนมเทียน หรือฝั่งที่ทำลายเพชรพระอุมา?