โฆษก คสช. สวน "ทักษิณ" กล่าวหารัฐบาลทหารทำให้ ศก.เปราะบาง ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ยัน รธน.ใหม่มีระบบถ่วงดุล จะเสริมให้เกิดความเข้มแข็งกับระบบเศรษฐกิจระยะยาว พร้อมระบุ คสช.ไม่มีการรวบอำนาจให้อยู่กับกลุ่มบุคคลใดเหนือนายกฯ...
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวกรณีสื่อนำเสนอคำให้สัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า อาจเป็นมุมที่แตกต่างของบุคคล เพราะกรณีที่มีกล่าวถึงว่ารัฐบาลทหารของไทยกำลังทำให้เศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศตกอยู่ในอันตราย ด้วยแผนประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่นั้น อาจเป็นความเห็นส่วนบุคคล จากข้อมูลที่ได้รับมาส่วนใหญ่มองว่า รธน.เสมือนข้อตกลงร่วมกันของคนในประเทศ ด้วยการกำหนดกรอบกติกาให้คนทุกคน หลักๆ จะว่าด้วยบทบาทสิทธิหน้าที่ รวมถึงข้อตกลงในหนทางปฏิบัติของประชาชน บุคคล องค์กร ที่อยู่ร่วมกันในสังคม แตกต่างกันตามสถานะหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคคล และองค์กรนั้นๆ อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการกำหนดกฎกติกาให้บุคคลผู้มีหน้าที่ต่างๆ ได้มีกรอบในการทำหน้าที่ให้กับประเทศ
"ถ้าจะพยายามมองไปเชื่อมโยงกับเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ที่จริงการมีระบบและกติกาที่ดีมีระบบถ่วงดุลตรวจสอบที่มีความน่าเชื่อถือ มองว่าน่าจะเป็นตัวเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจมากกว่า โดยเฉพาะความมั่นคงทางเศรษฐกิจแบบระยะยาว และที่มีการกล่าวถึงว่า จะเป็นการจำกัดอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และรักษาอิทธิพลของนายพลทหารเอาไว้นั้น อาจเป็นเพียงความรู้สึกเชิงหวาดระแวงเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีข้อพิสูจน์ในเชิงประจักษ์ว่า จะมีการรักษาอิทธิพลเอาไว้ให้ใครตามที่กล่าวถึง เพราะปกติเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ก็คงเป็นตามกระบวนการทางรัฐสภาที่จะต้องเลือกดูฝ่ายบริหารมาทำหน้าที่ ไม่เกี่ยวกับทหาร หรือ คสช." พ.อ.วินธัย กล่าว
...
โฆษก คสช. กล่าวด้วยว่า ในมุมหนึ่งบทบาทขององค์กรอื่นๆ ถ้าจะมีน่าจะมีส่วนในเรื่องการสนับสนุนให้เกิดความสมดุลในมุมต่างๆ ซึ่งก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับกระบวนการทางด้านการบริหาร โดยเฉพาะถ้าไม่เกิดกรณีมีปัญหาข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารนั้นๆ หลักๆ จึงไม่น่ามองว่าจะเป็นการไปจำกัดอำนาจอะไรของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายการเมือง มีหลายฝ่ายกลับมองว่ากลไกการสนับสนุนดังกล่าวจะเป็นการเสริมอำนาจทางการบริหารให้มีความมั่นคงมากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งมั่นใจว่าการมีส่วนร่วมตามความจำเป็นขององค์กรอิสระต่างๆ ที่เสมือนเป็นตัวแทนของประชาชนในอีกมุมหนึ่งด้วยนั้น จะสามารถสร้างความสบายใจให้เกิดการยอมรับได้กว้างขวางมากขึ้นด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหาความแคลงใจเกี่ยวกับการบริหารงานของฝ่ายบริหารเช่นในอดีต ที่เคยกลายเป็นเงื่อนไขแห่งความขัดแย้งหรือความไม่สงบเรียบร้อย
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า เชื่อว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่มีซ่อนเงื่อนใดๆ รวมถึงอำนาจที่แท้จริงก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มบุคคลหนึ่งคนใด หรือที่สำคัญอำนาจก็ไม่ได้อยู่ในมือของกลุ่มบุคคลบางคนเหนือนายกรัฐมนตรีขึ้นไป อย่างที่มีการกล่าวถึง คนส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่าอำนาจอธิปไตยจะยังคงอยู่กับประชาชนทั้งประเทศแบบทั่วถึงอย่างแน่นอน ซึ่งอาจไม่เหมือนแต่ก่อน ที่พอพูดถึงเรื่องอำนาจก็มักจะคิดกันว่าตกอยู่กับฝ่ายบริหารเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น.