หลังจากบินไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน–สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ก็คัมแบ็กพร้อมการบ้านปึ๊งใหญ่

ไม่เฉพาะจากคิวประชุมครั้งนี้ มีเรื่องต้องให้ขบคิดพิจารณาบานเบอะ

เพราะถึงจะได้ภาพหรู “ผู้นำจากรัฐประหาร” ที่ได้รับการต้อนรับขับสู้จากผู้นำ “มหาอำนาจโลกประชาธิปไตย” อย่าง “บารัค โอบามา” เช็กแฮนด์กันหลายรอบ ถ่ายรูปคู่รูปหมู่กันหลายชอต

แต่สุดท้าย “ผู้นำพญาอินทรี” ก็ไม่ลืมท่าไม้ตาย สะกิดผู้นำไทย “เร่งคืนประชาธิปไตย”

กระตุกโรดแม็ปกันตรงๆเลย เป็นการบ้านอีกข้อใหญ่ กับแรงกดดันที่ประเทศสหรัฐฯถึงทีท่าอ่อนแต่ก็ยังไว้เชิง โดยเฉพาะในห้วงประเทศไทยเอียงตัวออกนอกปีกพญาอินทรี ทั้งไปสนิทชิดเชื้อกับ “ตั้วเฮีย” พญามังกร ประเทศจีน

หรือเร็วๆนี้ก็ส่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยกคณะไปเยือนประเทศรัสเซีย มีหัวข้อเตรียมพูดคุยเรื่องการค้าการลงทุน รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์

พญาอินทรีสหรัฐฯก็ต้องบีบ ต้องดึงรั้งกันเป็นระยะๆแน่

ในห้วงที่ “บิ๊กตู่” ต้องพาช้างศึกไทยทรงตัว “เลี้ยงดุล” ให้ดีกับสถานการณ์โลก การประลองกำลังของบิ๊กๆมหาอำนาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยต้องเลี้ยงดุลกันเหนื่อย

แต่ก็น่าจะเป็นโจทย์หนักที่ “บิ๊กตู่” คุ้นชิน กับการ “บริหารความขัดแย้ง”

ไม่ต่างจากสถานการณ์ในประเทศ ที่เมื่อถึงกรุงเทพฯ ก็มีคำถามยิงถึงทันทีกับหลายปมร้อน นำร่องด้วยเรื่องการจัดระเบียบสื่อ กำหนดกรอบ จำกัดคำถามที่จะให้สัมภาษณ์

ปิดปากตัวเองมาพักใหญ่ ก็ถึงคิว “ปิดไมค์สื่อ” ช่วยอีกทาง

...

ในช่วงต้องใช้สมาธิหนักบริหาร “ความขัดแย้งภายใน” หลายเรื่องต้องตอบคำถามข้ามประเทศ ระหว่างอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งปมขัดแย้งกรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ เรื่องร้าวในวงการสงฆ์

ชนิด “บิ๊กตู่” ห่วงบานปลาย จ่อจัดเวทีดีเบตกันเลย

ขณะที่สถานการณ์ในภาพรวม ร่างรัฐธรรมนูญที่เสียงค้านแรงต้านกันอื้ออึงจากภาคส่วนต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากกฎกติกาใหม่ ในขั้นรับฟังความคิดเห็น ก่อนสรุปร่างไปสู่ชั้นประชามติ

ฝุ่นตลบอบอวลกว่านี้

แต่ที่เร่งแก้ปมเฉพาะหน้า กับภาวะที่ถูกมองว่าอยู่ในห้วง “ขาลอย” อีกเรื่องที่ “บิ๊กตู่” ดูเหมือนจะรุกหนักดึงดุลอำนาจมาอยู่ในมือ สะท้อนจากคิวปฏิรูปตำรวจ จากกฎเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายใน สตช.แต่ละระดับ

พยายามกระตุกอำนาจกลับ แชร์สัดส่วนตั๋วให้มากกว่านี้

หรือรายการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี ก็เป็นที่จับตาว่า “บิ๊กตู่” จะคอนโทรลโผอย่างไร

ไม่ให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินซ้ำซ้อนหรือโปรแกรมใหญ่ที่ไม่แน่ว่าอาจจะลัดคิวมาก่อนเลยกับการยกเครื่องทีมรัฐมนตรี กับกระแสข่าวการปรับ ครม. ถึงจุดที่ต้องเคาะแก้หลายปมหลายเด้ง

ทั้งติดเบรก “เพื่อนพ้องน้องพี่” ทั้งหัวขบวนขุมข่าย “ราบ 11 คอนเน็กชั่น” ของ “วงศ์เทวัญ” กับ “ร.1 รอ. เน็ตเวิร์ก” สาย “พี่ใหญ่ บูรพาพยัคฆ์” เริ่มแตะมือจับขั้ว แยกตัวจากอำนาจผู้นำ

ต้องเร่งสลัดให้หลุดจากภาวะ “อำนาจแฝง-อำนาจซ้อนทับ”

ไหนจะต้องแก้ปม “ทีมเศรษฐกิจ” ที่ชักปริร้าวหนักแตกเป็นหลายขั้ว ซ้ำรอยเดิม

ที่สำคัญต้องเร่งดับกลิ่นโชย สวนทาง “โจทย์แก้โกง”

เรียกว่า “บิ๊กตู่” เข้ามาคุมอำนาจการปกครองในห้วงไม่ปกติ ระยะเปลี่ยนผ่านในหลายวงการ ทั้งการเมือง บ้านเมือง ทหาร ตำรวจ กระทั่งในวงการสงฆ์

ตามที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นตรงกัน ถึงวาระต้อง “ปฏิรูป”

ในภาวะไร้ระเบียบหนัก ขุมข่ายต่างๆวิ่งจับขั้วกันให้วุ่น ทั้งกลุ่มอำนาจใหม่–อำนาจเก่าแก่–อำนาจที่ถูกโค่นรอคัมแบ็ก

“บิ๊กตู่” ในฐานะผู้ถือดุลหลัก มีหลายปมที่ทั้งต้องคอยประคอง เบรกเกม ดึงจังหวะ

บริหารจัดการความขัดแย้งในยุคเปลี่ยนผ่าน.

ทีมข่าวการเมือง