วันนี้ผมขอชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่อง เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของไทย ประธานกลุ่มทีซีซี กรุ๊ป ที่เพิ่งควักเงิน 220,000 ล้านบาท ซื้อห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ “บิ๊กซี ประเทศไทย” จาก กลุ่มคาสิโน กรุ๊ป แห่งฝรั่งเศส ที่จำเป็นต้องขายกิจการดีๆในประเทศไทย เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ก้อนโต ทำให้ ธุรกิจค้าปลีก ของ เจ้าสัวเจริญ ขยายตัวแบบก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุด

บิ๊กซี มีธุรกิจค้าปลีกที่เป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซุปเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา ร้านขายยา 164 สาขา ห้างสรรพสินค้า 162 ห้าง พื้นที่ให้เช่า 773,000 ตารางเมตร เมื่อปี 2553 บิ๊กซี ได้ซื้อกิจการ ห้างค้าปลีกคาร์ฟูร์ประเทศไทย มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ทำให้ บิ๊กซี มีส่วนแบ่งตลาด 43% อันดับ 2 รองจาก เทสโก้โลตัส

การซื้อกิจการ บิ๊กซี ครั้งนี้ เจ้าสัวเจริญ ได้ใช้ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่มีลูกเขย คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล เป็นผู้บริหาร เป็นผู้ซื้อ เพื่อขยายอาณาจักรการค้าปลีกขนาดใหญ่ในประเทศไทยและช่องทางการกระจายสินค้าให้ใหญ่ขึ้น งานนี้ เจ้าสัวเจริญ ตั้งเป้าที่จะให้ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มมีจุดยืนอยู่แถวหน้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเลยทีเดียว

การซื้อธุรกิจค้าปลีก บิ๊กซี ครั้งนี้ เจ้าสัวเจริญ ต้องจ่ายเงินทั้งสิ้น 220,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อหุ้นจากกลุ่มคาสิโน กรุ๊ป 58.56% ในราคาหุ้นละ 252.88 บาท เป็นเงิน 122,160,663.448 ล้านบาท ซื้อหุ้นจากรายย่อยอีก 41.44% ในราคาเดียวกัน รวมแล้ว 220,000 ล้านบาท และยังต้องจ่ายอีก 856 ล้านซื้อบริษัทส่งสินค้าในกลุ่มด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 เจ้าสัวเจริญ เพิ่งไปซื้อกิจการ เอฟแอนด์เอ็น หรือ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จากสิงคโปร์ มูลค่า 11,200 ล้านดอลลาร์ ราว 336,000 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเวลานั้น) การซื้อกิจการสองรายการนี้ เจ้าสัวเจริญ ใช้เงินไป 556,856 ล้านบาท ครึ่งล้านล้านเข้าไปแล้ว ยังไม่นับกิจการอื่นที่ เจ้าสัวเจริญ ซื้อมาก่อนหน้านี้ ทั้งค่ายน้ำอัดลมเสริมสุข กลุ่มชาเขียวโออิชิ กิจการค้าส่งเมโทร เวียดนาม และ บิ๊กซี เวียดนาม ที่กำลังจะซื้อเพิ่มอีก ยังไม่รู้จะใช้เงินอีกกี่หมื่นล้าน

...

อาณาจักร ทีซีซี กรุ๊ป ของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ใช่มีแค่ ไทยเบฟ และ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เท่านั้น แต่ประกอบด้วย ธุรกิจ 5 สายหลัก คือ สายอาหารและเครื่องดื่ม สายอุตสาหกรรมและการค้า สายประกันและการเงิน สายอสังหาริมทรัพย์ และ สายเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร

แค่สายอาหารและเครื่องดื่มสายเดียว ผมประมาณว่าน่าจะมีมูลค่าประมาณ 600,000-700,000 ล้านบาท ยังไม่รวมธุรกิจสายอื่นอีกมหาศาล ดังนั้น อาณาจักรของธุรกิจแม่น้ำสาย 5 สาย ของ เจ้าสัวเจริญ ทั้งหมด ผมประเมินว่า น่าจะมีมูลค่ารวมกันไม่หนี 1 ล้านล้านบาทแน่นอน ถ้ารวมเอา ที่ดินแลนด์แบงก์ อีกมหาศาล ผมฟันธงเลยว่าเกิน 1 ล้านล้านบาท

ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กับ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งซีพี ใครจะร่ำรวยมหาศาลกว่ากัน

ข้อมูลใน ทีซีซี กรุ๊ป ระบุว่า เจ้าสัวเจริญ เกิดและเติบโตในย่านทรงวาดครอบครัวมาจากเมืองซัวเถา เริ่มทำการค้ามาตั้งแต่เยาว์วัย แต่งงานกับ คุณหญิงวรรณา แล้วก็ร่วมกันพัฒนาจากกิจการเล็กสู่ใหญ่ จากการขายสินค้าให้โรงงานสุรา ไปสู่การเป็นเจ้าของโรงงานสุรา และขยายไปอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น เบียร์ แอลกอฮอล์ น้ำตาล บรรจุภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มโรงงาน กลุ่มพันธ์ทิพย์ กลุ่มเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และประกันชีวิตประกันภัย

ในการทำธุรกิจ เจ้าสัวเจริญ ยึดคำสอนของพ่อตาที่เป็นภาษาจีน 4 คำ คือ ยิ่ม (ความอดทน จะทำให้สำเร็จและบรรลุตามเป้าหมาย) เหยียง (ความเสียสละ จะทำให้พ้นภัย) แจ๋ (ความเงียบ สุขุม ทำให้เกิดปัญญา) ลัก (ความร่าเริง จะมีความสุขอายุยืน)

ผมเล่าเสียยืดยาว วันนี้ฝรั่งขาย คนไทยซื้อ ผมเห็นคนไทยซื้อกิจการบริษัทยักษ์ใหญ่ฝรั่งแล้วก็มีความสุขครับ ผมอยากเห็นคนไทยทุกคนร่ำรวย ประเทศไทยจะได้ร่ำรวยและมีความสุข เบื่อความคิดถอยหลังลงคลองเต็มที.

“ลม เปลี่ยนทิศ”