จากกรณีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านบ้านบางใหญ่ หมู่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร ซึ่งต่อมาได้รวมตัวจัดตั้งเป็นกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบางใหญ่อ่าวทุ่งคา-สวี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ในป่าชายเลน เนื่องจากเดือดร้อนถูก น.ส.ชลธิชา เชิดชู นายทุนเจ้าของร้านอาหารทะเลชื่อดังอ้าง น.ส.3 ในป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา-สวี เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ฟ้องขับไล่ที่และบังคับคดีเข้าไปรื้อทุบทำลายบ้านเรือนท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนทั่วไปว่าที่ดิน (น.ส.3) ไปโผล่อยู่กลางป่าชายเลนได้อย่างไร ทั้งๆที่ชาวบ้านอาศัยทำกินมานานกว่า 20 ปียังไม่มีใครเคยได้เอกสารสิทธิครอบครองแม้แต่รายเดียว ล่าสุด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้มอบหมายให้ สนง.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ น.ส.ชลธิชา ยืนยันว่าได้ น.ส.3 ในป่าชายเลนมาอย่างถูกต้องนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.พ.นายวิษณุ เซียงเจ็น รองประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบางใหญ่อ่าวทุ่งคา-สวี อ.เมืองชุมพร เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจภูมิภาค “ไทยรัฐ” ว่าเมื่อตอนบ่ายวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม จำนวน 3 คน ได้ลงมาสำรวจในพื้นที่บ้านบางใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร โดยนายจรัส กำเนิดโทน ประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯได้นำสมาชิกและชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกฟ้องขับไล่ที่และบังคับคดีจำนวน 6 คน มาให้ข้อมูลรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ นำโดยนายชำนิ อูปเมือง ฝ่ายนิติการ สนง.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ก่อนที่จะนำเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ลงไป ดูในพื้นที่จริง โดยเฉพาะที่ น.ส.3 ที่ไปโผล่อยู่กลางผืนป่าชายเลนสมบูรณ์ ซึ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่ชาวบ้านและคนทั่วไป
...
นายชำนิ อูปเมือง ฝ่ายนิติการ สนง. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้แจ้งกับประธานกลุ่มอนุรักษ์และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนว่า การที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ลงพื้นที่ในวันนี้จะไม่ไปเกี่ยวข้องและแตะต้องกับคำพิพากษาศาลแต่อย่างใด แต่มาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐส่วนไหนบ้างที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและเข้าข่ายการกระทำความผิด ทั้งในส่วนของสำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร และสำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โดยจะเก็บหลักฐานทั้งหมดนำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ท. ก็ต้องรอผลการอ่านแปลแผนที่ทางอากาศของกรมอุทยานฯเช่นกัน
นายชำนิยังกล่าวอีกว่า ประเด็นที่ ป.ป.ท.สงสัยและต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก็คือที่มาของ น.ส.3 ฉบับนี้ออกมาได้อย่างไร ตรงกับพื้นที่จริงหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกับพื้นที่จริงก็ต้องเรียกว่า น.ส.3 บิน และจะนำไปสู่ขั้นตอนของการเพิกถอนต่อไป รวมทั้งต้องเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องด้วย หลังจากนี้เป็นต้นไป ป.ป.ท.จะเป็นผู้แสวงหาหลักฐานเองทั้งหมด แต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อความรอบคอบ
ขณะเดียวกัน นายวิษณุ เซียงเจ็น รองประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.ลงมาตรวจสอบหาหลักฐานในพื้นที่อยู่นั้น นางชลธิชา นายทุนที่อ้างสิทธิ์ น.ส.3 ในป่าชายเลน เมื่อทราบข่าวว่าจะมี จนท.ป.ป.ท.ลงมาตรวจสอบ ได้พยายามติดตามและบันทึกภาพเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ทั้ง 3 คน ได้เดินทางกลับออกไปจากพื้นที่
ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.