เพราะศึกแย่งเรตติ้งของละครในช่องดิจิตอลต่างแข่งขันกันดุเดือดเหลือเกิน ทุกช่องเดินหน้าสั่งผู้จัดผลิตละครป้อนช่องอย่างเต็มกำลัง งานนี้เลยทำให้ผู้กำกับมือดีหลายคนถูกแย่งตัว หรือไม่ก็มีคิวกำกับละครยาวเหยียด เหตุนี้เหล่าผู้จัดละครทั้งหลายเลยต้องเสาะแสวงหาผู้กำกับหน้าใหม่แต่มากประสบการณ์มาช่วยกำกับละครให้ทันตามออร์เดอร์ของช่อง

โอ๊ต วรวุฒิ นิยมทรัพย์ ชื่อนี้มีคุณสมบัติและประสบการณ์มากพอที่จะนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับละคร ด้วยประสบการณ์ในวงการบันเทิงที่มีมา 20 กว่าปี รายงานพิเศษโดยทีมข่าวบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ขอเคลียร์เวลาทองของผู้กำกับหน้าใหม่ชื่อเก๋า โอ๊ต วรวุฒิ มาพูดคุยกัน

ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับละคร?
“ก่อนหน้านี้เคยกำกับละครให้กับอีกช่องมาก่อน 1 เรื่องคือ พันล้านพนันรัก เรื่องดวงใจพิสุทธิ์เป็นเรื่องแรกที่จะทำให้กับช่อง 3 จริงๆ ไม่เคยคิดมาก่อนนะว่าจะมาทำตรงนี้ เพียงแต่มาถึงจุดๆ นึง คุณชุ ชุดาภา คุณก้อง ปิยะ คุณท็อป ดารณีนุช เค้าดันเราขึ้นมา โยนตรงนี้มาให้เราทำ ก็งงๆ อยู่ว่าจะทำได้มั้ย จะทำออกมาเป็นอย่างไร พอกระโดดมาทำจริงๆ ก็ทำได้ และก็สนุกดีด้วย ตอนนี้กำลังมีความรู้สึกเหมือนได้เจองานอะไรใหม่ๆ ที่มันสนุก”

...

มีความสนใจที่จะเป็นผู้กำกับหรือเปล่า?
"เฉยๆ มาก แต่ก่อนหน้านี้ก็เป็นนักแสดง มีฟีลเบื่อๆ การเล่นละคร ไม่ค่อยอยากเล่นแล้ว ต้องไปเจอบทเดิมๆ ซ้ำๆ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาทำเป็นผู้กำกับ พอเพื่อนโยนโอกาสนี้มาก็ไม่ค่อยมั่นใจ แต่เพื่อนก็ให้กำลังใจว่าทำได้ เดี๋ยวจะคอยดูอยู่ข้างๆ"

เตรียมตัวทำการบ้านกับหน้าที่ผู้กำกับอย่างไรบ้าง?
“ยากมากเลยนะ ระหว่างผู้กำกับ กับนักแสดง ที่เคยเห็นมา คนจะมาเป็นผู้กำกับต้องเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยก่อน ศึกษารายละเอียดต่างๆ ในกอง ต้องฝึกอยู่นานกว่าจะขึ้นเป็นผู้กำกับได้ แต่สำหรับผมโดดขึ้นมาจากนักแสดงแล้วกำกับเลย ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของการกำกับมาก่อน ตอนแรกผมกลัวมาก กลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่พอโดดเข้ามาทำจริงๆ มันใช้ประสบการณ์จริงๆ ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานเป็นนักแสดงมันช่วยเราได้จริงๆ นะครับ ทั้งๆ ที่เราเดินเป็นทางคู่ขนานกันมา ตอนเป็นนักแสดงเราไม่ค่อยสนใจหรือว่าใส่ใจในงานเบื้องหลังเลย แต่มันเหมือนว่าเก็บเกี่ยวและสะสมเอาไว้ พอถึงเวลาก็เอาสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาที่เรียกว่าประสบการณ์มาใช้ได้อย่างดีมาก ผมใช้ประสบการณ์อย่างเดียวเลย แล้วมาศึกษาเรื่องกล้อง เรื่องภาพจากผู้ช่วย จากคนรอบกอง เพิ่งมาเรียนรู้ทีหลัง ส่วนเรื่องวางบล็อกกิ้ง การตีความบท ผมเป็นนักแสดงอยู่แล้ว ผมรู้อยู่แล้ว”

ปกติดาราบางคนจะเป็นผู้จัดฯ แต่ทำไม โอ๊ต ถึงมาเป็นผู้กำกับ?
“ผมว่างานผู้จัดฯ มันเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า สำหรับผมมองว่าผู้หญิงน่าจะทำได้ดีมากกว่าเยอะ ผมชอบงานลุยๆ อะไรที่มันใช้แรงใช้กำลัง มันสนุกดี เพราะฉะนั้นการเป็นผู้กำกับละครจึงน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า”

ทางช่อง 3 จะต้องเสนอว่าใครจะมาเป็นผู้กำกับก่อนถึงจะมาทำได้ โอ๊ตได้รับโอกาสนั้น รู้สึกอย่างไรบ้าง?
“ต้องกราบขอบพระคุณคุณสมรักษ์ มากๆ ครับ ที่ให้โอกาส ตอนแรกคุณชุกับคุณก้องก็ไปเสนอว่าเรื่องนี้อยากให้ผมเป็นคนกำกับ ทางพี่สมรักษ์ก็คงเอ็นดูและกรุณาผม ก็เลยขอดูงานกำกับก่อนหน้านี้ที่ผมเคยทำว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอได้ดูงานก็ได้ทำ ผมก็เข้าไปกราบขอบพระคุณพี่สมรักษ์แล้วที่ให้โอกาสผม ถ้าหากไม่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ผมก็คงไม่ได้เติบโตมาถึงจุดนี้ได้”

บางคนมองว่าใช้เส้นในการมาเป็นผู้กำกับละคร?

"ไม่ได้ใช้เส้นนะ แต่เป็นเพราะว่าเพื่อนๆ เห็นว่าผมทำได้ เพื่อนๆ มั่นใจว่าผมทำได้ เลยให้โอกาสกับผม ให้ผมกำกับดู เอาจริงๆ ผมเองยังไม่มั่นใจในตัวเองเท่าที่เพื่อนมั่นใจในตัวผมเลย และผู้ใหญ่เองก็ให้โอกาสนี้กับผมด้วย ถ้าเพื่อนสนับสนุนแค่ไหน แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ให้ก็เท่านั้น ในเมื่อทั้งเพื่อนและผู้ใหญ่ไว้ใจมอบหมายให้เราทำหน้าที่หลักอย่างนี้ มันก็ทำให้เรามีกำลังใจที่จะเดินหน้าทำครับ ดึงศักยภาพและประสบการณ์มาใช้กับการทำงานในครั้งนี้"

...

จะกลับมารับงานละครอีกมั้ย หรือจะลุยงานเป็นผู้กำกับเต็มตัว?
“กลับไปเล่นแน่นอน ผมเป็นนักแสดงเล่นละครมาเยอะ 20 กว่าปี มันไม่มีโอกาสหรอกที่จะไม่กลับมาเล่น อยู่ตรงนี้มันต้องมีความอยากที่จะกลับไปเล่นแน่นอน พอเรามาเป็นผู้กำกับเจอซีนที่มันสนุกๆ ก็ยังรู้สึกว่าอยากจะเล่นซีนนี้จังเลย เล่นแล้วมันต้องสนุก แต่ว่าช่วงนี้อยากจะโฟกัสเรื่องของการกำกับให้เก่งก่อน เพราะว่าตอนนี้ผมก็เหมือนเป็นเด็กฝึกหัดใหม่คนนึง ต้องเรียนรู้งานเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ต้องมีทีมที่แข็งแรงด้วย ยังไม่สามารถปล่อยได้ ผมยังไม่ไว้ใจตัวเอง รอให้มันแข็งแรงมากกว่านี้หน่อย จนรู้สึกว่าไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอะไร จะกลับมาเล่น”

จะกำกับเอง เล่นเองบ้างมั้ย?
“ผมว่าเหนื่อยไปนะ มีเหมือนกันที่ทางคุณก้องคุณชุยุให้ผมเล่นด้วย กำกับด้วย แต่ผมไม่เล่น เพราะว่าผมกลัวจะหลุดโฟกัสในเรื่องของการกำกับตรงนั้น ซึ่งยังไม่แข็งพอ ถ้าแข็งแล้วอาจจะเล่นแจมๆ ด้วยบ้างก็ได้”

...

ในวงการมีรุ่นพี่นักแสดงหลายคนที่นั่งแท่นเป็นผู้กำกับ โอ๊ตกลัวการเปรียบเทียบผลงานกับพี่ๆ เค้ามั้ย?
“คือเรื่องการเปรียบเทียบไม่อยากให้เปรียบเทียบนะครับ เพราะผมคือมือใหม่มากๆ ผมยกให้พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ พี่นก ฉัตรชัย เป็นไอดอลผมมากกว่า หรือแม้แต่อาจารย์ของผม หม่อมน้อย ผมก็ขโมยมาใช้เยอะ เรื่องของอารมณ์ภาพ เรื่องของมุมกล้อง ก็ไปศึกษาผลงานของพี่ๆ เค้า ก็ศึกษาไลน์กล้อง ศึกษามุมมอง อารมณ์ของภาพ ของตัวละคร ก็ศึกษาเหมือนกัน ตอนนี้ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าชอบจังหวะการถ่ายภาพที่ค่อนข้างเร็วพอสมควร ผมคิดว่าผมไม่ชอบเนื้อเรื่องที่ยื้อกันนานๆ ดูอืดๆ ค่อนข้างเดินเรื่องเร็ว”

...

ละครที่ได้ทำเรื่องนี้เป็นละครรีเมค แอบกดดันหรือกังวลใจมั้ย เพราะปกติคนจะชอบเอาไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า?
“ไม่เลย ผมไม่เครียด ผมทิ้งเรื่องเก่าไปเลย ละครรีเมคหมายถึงการเอามาทำใหม่ ของเราปรับให้เข้ากับยุคสมัยของปัจจุบัน เพราะฉะนั้นยุคสมัย 2 ยุคที่มันต่างกัน ความสนุกมันก็คนละรูปแบบอยู่แล้ว เนื้อหาสาระก็ถูกเอามาดัดแปลง เพราะฉะนั้นมันมีจุดแตกต่างกันอยู่แล้ว แค่นักแสดงก็ต่างกันแล้ว ผมเลยไม่ห่วงเลย คิดว่าจะทำอย่างไรให้มันดูสมจริง ให้ดูสนุก ให้ดูเป็นชีวิตคนจริงๆ อันนี้คือโจทย์หลักในการทำงานเป็นผู้กำกับของผม คิดแค่ว่าทำละครให้คนดูสนุก ได้ข้อคิดจากละครของเราบ้าง แค่นี้เราก็แฮปปี้แล้วครับ”

ถือว่าเป็นงานแรกที่โหดมั้ย เพราะในเรื่องนี้มีเด็กเล่นด้วย?
“ใช่ ก็เป็นอุปสรรคนะ เพราะเด็กเวลาที่เค้าเหนื่อยแล้ว เวลาที่เค้าไม่มั่นใจ เค้าจะเล่นไม่ได้ เราก็ต้องเบรกเวลาพักให้เค้า ให้พ่อแม่มาพูดคุย ให้เค้าได้นอนพัก ตื่นมาค่อยเล่นใหม่ แต่ว่าน้อง 2 คนที่ผมกำกับเค้าเป็นเด็กที่เก่งนะ เค้าคุยรู้เรื่อง จำบทได้เก่งมาก ท่องบทมาจากบ้าน มาถึงหน้าเซต ก็เริ่มงานได้ ไม่มีปัญหาเรื่องบท อาจจะมีปัญหาเรื่องหลุดดุ๊กดิ๊กบ้างตามประสาเด็ก ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร พอเค้าเล่นเสร็จจะชอบวิ่งมาหา ก็จะชวนเค้าดูมอนิเตอร์จะชมเค้าว่าเล่นเก่งนะ ถ้าเค้าทำดีต้องบอกว่าดีแล้ว ทำถูกต้องแล้ว เค้าจะได้มีกำลังใจมากขึ้น”

จะเป็นผู้กำกับละครให้ผู้จัดฯ เจ้าอื่นด้วยหรือเปล่า?
“ผมยังไม่ได้ออกไปรับงานข้างนอก ผมทำภายในของเราก่อน ขอหาประสบการณ์ให้มันแน่นๆ ก่อนอีกหน่อย การจะไปทำงานนอกบ้านมันก็เป็นอีกสเต็ปนึง การจะไปทำให้คนอื่น เราต้องแข็งแรงนะ ต้องรับผิดชอบงานให้คนอื่นหมด มันจะต้องเครียดและกดดันมาก เพราะฉะนั้นขอหาประสบการณ์ก่อน ให้เก่งกว่านี้ก่อนค่อยว่ากันครับ”

อยากจะกำกับละครแนวไหนมากที่สุด?
“ผมชอบทำงานแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ มันสนุกดี โดยส่วนตัวอยากจะเล่นละครแนวนี้ด้วยมั้งมากๆ แต่ไม่ค่อยได้เล่น ได้เล่นแต่บทเพลย์บอย เจ้าชู้ ผมเกิดจากละครคอเมดี้ เกิดมาจากละครเรื่อง 3 คนอลเวง ตอนเล่นละครตอนเด็ก อยากกำกับละครคอเมดี้ ละครบ้านๆ เพราะผมมองว่า ถ้าผมทำแล้วน่าจะสนุกไปกับงานด้วย ผมน่าจะมีความสุข น่าจะมีไอเดียหลายๆ อย่างที่เราอยากจะใส่เข้าไป”

ในการเลือกตัวนักแสดง ผู้กำกับอย่างโอ๊ตได้มีส่วนร่วมในการเลือกด้วยมั้ย?
“ก็ช่วยๆ กันครับ แต่หลักๆ จะเป็นคุณชุ คุณก้อง แต่ก็มีช่วยเสนอเพราะเราอ่านบทแล้วรู้สึกว่า คนนี้ก็น่าจะเหมาะกับบทนี้นะ ก็ช่วยกันเลือกครับ เพราะว่าเราทำงานเป็นทีม”.