ร่างแรก “รัฐธรรมนูญ” ฉบับ “ปราบโกง” คลอดออกมาเรียบร้อย แต่ดูท่าที คสช.ไม่ค่อยจะ แคร์เท่าใดว่าผ่านหรือไม่ ผ่าน

ตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์ที่กัดกันจนเละยังหาทางออกไม่ได้

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ร่างแรกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คลอดออกมาเรียบร้อยแล้วภายใต้ทีมงานของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.

สมญาไฉไล “ฉบับปราบโกง” 270 มาตรา 15 หมวด สั้นกระชับ ปราบทุจริต คอร์รัปชันครบวงจรน่าจะเป็นเจตนาสำคัญ

ทำให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้

แต่ที่เป็นติ่ง “เด็กเทพ” พ่วงมานั้นไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนนอก ส.ว.ลากตั้ง ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากขึ้น

พรรคการเมือง นักการเมือง รัฐบาลอ่อนแอ

ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดเสียงคัดค้านจากนักการเมืองที่ประกาศจะคว่ำให้ได้ในการทำประชามติ

แต่ดูเหมือนว่า คสช. และ กรธ.จะไม่ค่อย ยี่หระเท่าใด เพราะหากถูกคว่ำก็จะได้เจอฉบับ คสช.ตัวจริงเสียงจริงแน่

คงเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น เพราะจากนี้ไปจะต้องให้ คสช.–ครม–สนช.–สปท.ไปพิจารณาว่าจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร

อีกทั้งจะเปิดเวทีให้ประชาชน 4 ภาค ได้วิพากษ์วิจารณ์เสนอความเห็นต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาว่าจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือยืนยันในหลักการเดิม

ยังมีเวลาอีกนานที่จะตัดสินใจจึงจะได้ฉบับสุดท้าย

แต่ที่กำลังฟาดฟันกันอีกเรื่องก็คือปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูเหมือนว่าจะหาจุดจบได้ยาก

หลังจากพรรคได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการในลักษณะไม่รับการบริหารงานของ กทม. ภายใต้การนำของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และรองหัวหน้าพรรค

ไม่บอกว่าขับไล่ไสส่งแต่ตีความแล้วก็คือไล่ออกจากพรรค...นั่นแล

...

แต่ยังไม่สามารถทำเป็นทางการได้เนื่องจาก คสช. มีคำสั่งห้ามไม่ให้พรรค การเมืองทุกพรรคประชุมพรรคได้

จึงทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และบรรดาผู้บริหารที่สังกัดไม่ยอมรับและยืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์แบบ

ล่าสุด พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ได้ยื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการและมีการอนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว เหตุผลบอกว่าต้องการไปทำธุรกิจส่วนตัว แต่ก็พร้อมจะกลับมาอีก

ใครจะไปอยู่ในหว่าง “เขาควาย” ระหว่างพรรคกับผู้ว่าฯ กทม. เพราะมีแต่ความอึดอัดวางตัวได้ลำบาก

เกิดผิดกระบวนขึ้นมาก็ยุ่งตาย ห่า...!?!

เพราะรู้กันดีว่ายังมีอนาคตทางการเมืองที่รออยู่ข้างหน้า

ผู้ว่าฯ กทม. ได้แต่งตั้งบุคคล 2 คน ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ปรากฏเล่นผิดอีก เพราะ พล.ต.อ.อำนวย นิ่มมโน อดีต ผบช.ภ. 1 สปท. และยังเป็นประธาน กกต.กทม.อีก

จึงขาดคุณสมบัติ เพราะประธาน กกต. กทม. ยุ่งการเมืองไม่ได้ งานนี้เลยเสียฟอร์มซํ้าเข้าไปอีก

ที่เห็นและเป็นอย่างนี้จนเจ็บกันไปทั้งพรรคก็เพราะไม่ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนอยู่ในสถานะที่เรียกว่า “ขาลง” ทั้งคู่

แต่เมื่อตกจากเหวมาด้วยกันแทนที่จะช่วยกันพยุงตัวเพื่อแก้ไขกลับโดดถีบกันกลางอากาศมันก็ร่วงกันไปทั้งคู่

แม้กระทั่งก่อนที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รักษาการเลขาธิการพรรคจะแถลงขับไล่ได้พยายามขอปรึกษากับบรรดาแกนนำว่าควรจะแถลงหรือไม่?

ปรากฏว่าถอยหนีกันหมดไม่มีใครแสดงความเห็น เพราะเกรงว่าจะเข้าตัว

แม้กระทั่ง “นายหัว” ผู้อาวุโสยังต้องหลบฉาก!!!

“ลิขิต จงสกุล”