(ภาพจาก เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง)
หนุ่มเพชรบูรณ์ คิดสั้น! วิ่งลงไปนอนที่รางให้รถไฟทับดับสยอง เแขน-ขา-ศีรษะกระเด็นไปคนละทิศละทาง ก่อนถึงสถานีรถไฟศาลายา นครปฐม 300 เมตร จนท.ตร.ยังไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ม.ค. 59 ร.ต.อ.กิจพัฒน์ จิตติราช ร้อยเวร สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้รับแจ้ง สถานีรถไฟศาลายา ว่า พขร.รถไฟด่วนพิเศษ ขบวนที่ 43 กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ชนคนเสียชีวิต ที่ทางรถไฟ ม.5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล หลังรับแจ้งแล้ว ได้รายงานให้ พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ ผกก.พ.ต.ท.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ รอง ผกก.ป. ชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.พุทธมณฑล มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุ อยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟศาลายา 300 เมตร พบประชาชนมายืนมุงดูจำนวนมาก บนรางรถไฟขาล่องใต้ พบร่างของ นายสุพจน์ กรกิจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/1 ม.1 ต.วังพิกุล อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ นอนเสียชีวิตอยู่ภายในราง สภาพศพเหลืออยู่เฉพาะลำตัว แขน-ขา-ศีรษะ หลุดหายออกจากร่าง ขาดกระเด็นกระจัดกระจาย ไม่สวมเสื้อ เหลือแต่กางเกงขายาวสีดำขาดวิ่น จึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเก็บชิ้นส่วน ซึ่งพบว่า ศีรษะและแขนกระเด็นอยู่ตามหญ้ารกข้างทางรถไฟ แต่ละชิ้นกระเด็นไปกว่า 10 เมตร จึงเก็บรวบรวมไว้ พร้อมกับให้มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง นำศพส่งนิติเวช
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สถานี ซึ่งเป็นผู้แจ้งทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายกิจจาพจน์ ไทยเดชา พขร.ขบวนที่ 43 รถไฟด่วนพิเศษ กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี ได้ขับรถไฟมาจอดแล้วลงมาแจ้งว่า รถไฟได้ชนคนเสียชีวิต ก่อนถึงสถานีรถไฟศาลายา 300 เมตร ให้ช่วยแจ้งตำรวจ เพราะจะต้องรีบขับรถไฟต่อให้ตรงเวลายังจุดหมายปลายทาง เพราะผู้โดยสารเยอะ ตนเองจึงรีบแจ้งตำรวจ ดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ เผยว่า เห็นคนตายเดินอยู่ข้างทางริมทางรถไฟ ขณะที่รถไฟกำลังวิ่งมา คนตายจู่ๆ ก็วิ่งไปนอนพาดที่รางรถไฟ แล้วใช้ผ้าปิดศีรษะตัวเอง ให้รถไฟทับเฉย ทั้งๆ ที่รถไฟก็เปิดหวูดเสียงดัง ตำรวจจึงบันทึกปากคำไว้ จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกเกิดเหตุ ทราบว่า ชายผู้ตายไม่ใช่คนแถวนี้ แต่เห็นมาเดินตามถนนซอยบ้าง ตามทางเดินรถไฟบ้าง เหมือนคนเสียสติ เห็นมา 2-3 วัน แล้ว อยู่ในชุดเดิมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อลายสก๊อตสีแดงดำ
...
จากนั้นได้ประสานไปยัง สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ให้ติดต่อไปยังบ้านของผู้ตาย เลขที่ 60/1 หมู่ 1 ต.วังพิกุล อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เดินทางไปที่บ้านของผู้ตาย ซึ่งทราบจากทางตำรวจแจ้งมาว่า ที่บ้านของนาย สุพจน์ กรกิจ ผู้ตายนั้น พบแต่พ่อของนายสุพจน์ อายุ 68 ปี ขาพิการตัดขานอนอยู่ในบ้าน จึงแจ้งให้ทราบ และขอให้มายืนยันศพที่เสียชีวิต โดยพ่อของผู้ตายได้บอกกับตำรวจ ว่า นายสุพจน์ ได้หายออกจากบ้านไปกว่า 2 ปี แล้ว และไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย ตนเองก็ไม่รู้ว่า ลูกชายอยู่ที่ใด เพิ่งจะทราบจากตำรวจว่า ถูกรถไฟชนเสียชีวิต แต่จะไปรับศพลูกคงไม่ได้ เพราะไม่สะดวก เดินไม่ได้ จะให้พี่ชายที่บวชเป็นพระอยู่ใกล้บ้านไปแทน และจะให้เดินทางไปเลย จากนั้นได้ประสานไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้แจ้ง นายกิจจาพจน์ ไทยเดชา พขร. ที่ขับรถไฟไปชนทับร่างผู้เสียชีวิต ให้มาทำการสอบปากคำ ต่อไป.