จากกรณีประมงพื้นบ้านบ้านบางใหญ่ หมู่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เนื่องจากเดือดร้อนถูกนายทุนอ้างเอกสารสิทธิ (น.ส.3) ในป่าชายเลน อ่าวทุ่งคา-สวี เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรฟ้องขับไล่ที่และรื้อทุบทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนทั่วไปว่าที่ดิน (น.ส.3) ไปโผล่อยู่กลางป่าชายเลนได้อย่างไร ทั้งๆที่ชาวบ้านอาศัยทำกินมานานกว่า 20 ปี ยังไม่มีใครได้เอกสารสิทธิครอบครองแม้แต่รายเดียว โดยล่าสุดนาย สมดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร ออกมาระบุว่า หาก น.ส.3 ได้มาโดยมิชอบจะเสนอต่ออธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอน ขณะที่นายทุนคนดังกล่าวได้แจ้งยกเลิกคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินในป่าชายเลนไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ม.ค. นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เปิดเผยทีมข่าวเฉพาะกิจภูมิภาค “ไทยรัฐ” ว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่และได้รับการแต่งตั้งจากศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดชุมพร ให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการตรวจสอบยังอยู่ในขั้นตอนของการรอผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศจากกรมอุทยานฯว่า พื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 39 หมู่ 4 ต.ทุ่งคา เนื้อที่ 17 ไร่ 3 งาน 5 วา ของนางชลธิชา เชิดชู มีการใช้ทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยจะเริ่มย้อนไปตั้งแต่ พ.ศ.2498 ที่กฎหมายที่ดินประกาศใช้ หากผลการอ่านแปลแผนที่ออกมาและพบว่าไม่ได้ใช้ทำประโยชน์มาก่อน รวมทั้งเนื้อที่จริงหากตรวจพบว่าผิดเพี้ยนไปจากที่ได้ระบุไว้ใน น.ส.3 ทางอุทยานฯจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดินรายนี้ต่อไป
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรเปิดเผยอีกว่า จากนั้นในขั้นตอนต่อไปทางอุทยานฯจะใช้ ม.22 ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 สั่งให้รื้อถอนทำลายผลอาสินในที่ดินออกไป แต่ถ้าเจ้าของที่ดินรายนี้ได้ น.ส.3 มาอย่างถูกต้องและมีการใช้ประโยชน์มาก่อนก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะเข้าไปปลูกสร้างผลอาสินอะไรก็ได้ แต่เท่าที่ผ่านมา การขอออกโฉนดในเขตพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่จะกระทำไม่ได้ ทางกรมอุทยานฯไม่อนุญาตอย่างแน่นอน ในส่วนของชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยทำกินอยู่บริเวณริมคลองทุ่งคานั้น ทางอุทยานฯใช้มติ ครม.ปี 2541 อนุโลมให้อยู่ต่อไปได้ไม่มีปัญหา แต่มีข้อแม้ว่าห้ามบุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มและต้องช่วยกันอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรของชาติให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
...
“ขณะนี้ได้เร่งรัดให้ทางกรมอุทยานฯส่งผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศมาให้ แต่ปัญหาติดขัดอยู่ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เพียงคนเดียว ทำให้เกิดความล่าช้า ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ขอเวลาอีกไม่นาน” นายรักพงษ์กล่าวในที่สุด
ทางด้านนางชลธิชา เชิดชู เจ้าของร้านอาหารทะเลชื่อดัง ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ น.ส.3 ดังกล่าว เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า ที่ดินแปลงนี้ได้อาศัยมานานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและอยู่มานานนับ 100 ปีแล้ว ขอยืนยันว่า ได้ น.ส.3 มาอย่างถูกต้อง โดยกรมที่ดินเป็นผู้ออกให้ ส่วนการยกเลิกการขอรังวัดออกโฉนดนั้นไม่ขอให้ความเห็นในตอนนี้.