ชาวนา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สูบบาดาลสู้ภัยแล้ง หลังต้นข้าวในนาใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต น้ำในคลองชลประทานแห้งขอด เผยชีวิตชาวนาต้องดิ้นรนสู้กับภัยธรรมชาติ และราคาข้าว เพียงเกวียนละ 6-7 พันบาท อยู่ในภาวะเสี่ยงในการขาดทุน
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ชาวนาในตำบลไผ่ดำพัฒนา อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้เร่งสูบน้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดเตรียมไว้กลางทุ่งนา โดยนำเครื่องสูบน้ำจากท่อปากบ่อบาดาล ออกหล่อเลี้ยงต้นข้าวในแปลงนา ที่กำลังใกล้เกี่ยวผลผลิต เหี่ยวเฉาหลังน้ำในคลองชลประทานแห้งขอดคลอง โดยชาวนาที่ใช้น้ำในคลองชลประทานต่างเร่งสูบน้ำ เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวในแปลงนา
หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำต้นทุนเหลือน้อย ใช้ได้เพียงอุปโภคและบริโภค ส่วนชาวนาที่ได้ลงทุนปลูกข้าวหวังสร้างรายได้ เลี้ยงครอบครัว จำต้องดิ้นรนหาแหล่งน้ำจากธรรมชาติ โดยลงทุนสูบน้ำหลายต่อกว่าจะถึงแปลงนาก็ต้องทำ และยังได้ขุดบ่อบาดาลเตรียมไว้สู้สถานการณ์ภัยแล้งที่มาถึง

นายนิพนธ์ พฤกษชาติ อายุ 57 ปี ชาวนา ตำบลไผ่ดำพัฒนา อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ตนเองพร้อมครอบครัวได้ทำนาจำนวน 60 ไร่ โดยลงทุนค่าปุ๋ยค่ายาค่าน้ำมันไปกว่าแสนบาทแล้ว โดยหวังจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว แต่ต้องมาประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ หลังจากน้ำในคลองชลประทานที่แห้งขอดคลอง หลังชาวนาได้เร่งกันสูบน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าว
...
"ต้นข้าวเริ่มแห้งเหี่ยวเฉา ได้สูบน้ำจากหนองน้ำธรรมชาติที่ห่างไกลจากแปลงนา โดยสูบติดต่อกันหลายทอด และน้ำจากแหล่งธรรมชาติเริ่มหมดลง จึงได้ใช้การสูบน้ำจากบ่อบาดาลหล่อเลี้ยงต้นข้าวเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ด้านชาวนาที่ต้องหารายได้เลี้ยงครอบครัวในการปลูกข้าวทำนา จำต้องหาแหล่งน้ำจากธรรมชาติ ที่ต้องสูบน้ำหลายต่อกว่าจะถึงแปลงนาก็ต้องสู้ทนไป

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมการขุดบ่อบาดาลไว้เพื่อสูบน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังเหี่ยวเฉา และก็ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติจากหนูนา ที่ออกมาอาละวาด พร้อมกับพวกนกที่หิวโซ ขาดแหล่งอาหาร หลังจากภัยแล้งลุกลาม ได้ลงกัดกินต้นข้าวในนา และราคาข้าวที่อยู่เพียงเกวียนละ 6,000-7,000 บาท ทำให้ชาวนาต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงในการขาดทุน
"พวกเราต้องสู้ทนกับชีวิตชาวนา มาตลอดทั้งชีวิตเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และหากหยุดทำนาไปก็ไม่รู้จะหารายได้มาจากที่ไหน จำต้องสู้ในการทำนาปลูกข้าวโดยใช้น้ำบาดาลในการสู้ภัยแล้งต่อไป
