คติของคุณชายถนัดศรี เจ้าของตำนานเชลล์ชวนชิม จะกินอาหารอร่อย ต้องใจเย็นๆ คติประจำใจของคุณชายสี่ ถ้าอยากกินอาหารอร่อยก็ต้องขวนขวาย แม้ไกลแค่ไหนหรือรถติดปานใดก็ต้องไปให้ถึง
วันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีแนะนำส้มตำร้านเด็ด ชื่อ ลาบ 11 ฟังแค่ชื่อก็แปลกแล้ว
ฝ่ารถติดไปถึงร้าน ลาบ 11 แต่อยู่บ้านเลขที่ 59/8/1 หมู่บ้านเมืองทอง 3 ตำบลคลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจอพี่ยุ้ย หรือทรรศิดา ละมัยกุล อายุ 47 ปี เจ้าของร้าน
...
พี่ยุ้ยบอกว่า เปิดร้านนี้ขึ้นมา 5 ปีแล้ว เมื่อก่อนเขาฮิตเมนูปิ้งๆย่างๆ เราอยากเปิดร้านสไตล์อีสาน แต่ไม่ใช่อีสานจ๋า เลยเอาพวกชุดย่างโคขุน จิ้มจุ่มโคขุนเข้ามาผสม
อาหารมีหลากหลายทั้งอีสาน เหนือ และอาหารทะเล แต่จุดเด่น คือส้มตำ ชุดย่าง และจิ้มจุ่ม อาหารเหนือที่เสริมเข้ามาอย่างไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ลาบหมูคั่ว ทำเองหมด สูตรแม่แฟนซึ่งเป็นคนลำพูน
“แม่ทำให้เรากินก่อนรู้สึกว่าโอเค ก็เอามาให้แม่ครัวที่ร้านทำขาย”
ชื่อลาบ 11 มีที่มา พี่ยุ้ยบอกว่า ตอนเปิดร้านครั้งแรกมีประท้วงกันที่ราบ 11 แฟนบอกว่าให้ตั้งชื่อลาบ 11 ของเราเป็น ล.ลิง ส่วน 11 ก็ให้บังเอิญเป็นปีเกิดพี่ยุ้ย ตั้งใจใช้เป็นเลขไทย เพราะแสดงถึงความเป็นไทยๆ ไม่ใช่อาหารฝรั่ง
วันนี้พี่ยุ้ยเสนอเมนูส้มตำแซลมอน
“เราอยากเอาส้มตำไปรวมกับอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเทรนด์นี้กำลังมา เราเอาแซลมอนมาใส่ส้มตำแล้วเอาวาซาบิใส่เข้าไป เพื่อลดความเลี่ยนของแซลมอน”
วิธีทำ ตำส้มตำธรรมดา เอาวาซาบิผสมเข้าไป จากนั้นเอาแซลมอนลงไปคลุกเคล้า คุณชายสี่ตักแซลมอนกับส้มตำกินพร้อมกันไป เนื้อแซลมอนนุ่มลิ้นบวกกับรสจัดๆของส้มตำ บอกเลยว่าเข้ากัน
เมนูที่สอง ตำถาดวาซาบิ พี่ยุ้ยบอกว่า ตอนนี้เขากำลังฮิตตำถาด ตำถาดไทย ตำถาดปูปลาร้า แต่พี่ยุ้ยคิดเมนูขึ้นมาใหม่เป็นตำถาดวาซาบิ
ความพิเศษอยู่ที่เครื่องเคียงที่กินกับวาซาบิ อย่างไข่กุ้ง ปูอัด หอยแมลงภู่
วิธีทำ ตำส้มตำแล้วเอาวาซาบิมาคลุก เสร็จแล้ววางตรงกลางจานราดด้วยไข่กุ้ง จากนั้นก็แต่งเติมเครื่องเคียงที่รายล้อมไปด้วย กุ้ง หอยแมลงภู่ ลวกสุก ปูอัด ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า ปลากรอบ เส้นหมี่ ขนมจีนและผักสด
กลิ่นความหอมของส้มตำทำเอาคุณชายสี่รีบกลืนน้ำลาย ขออนุญาตพี่ยุ้ยตักกิน คำแรกที่เคี้ยวกลืนกลิ่นวาซาบิขึ้นจมูก รสชาติจี๊ดใจมาก ต้องยกนิ้วโป้งให้กับเมนูนี้ ใครกินวาซาบิไม่ได้คงหมดสิทธิ์
มาถึงเมนูจิ้มจุ่มโคขุน พี่ยุ้ยบอกว่าไม่เหมือนร้านจิ้มจุ่มทั่วไป ที่แค่หมักหมูหมักเนื้อ แต่ร้านลาบ 11 พิเศษจริงๆ เราใช้เป็นเนื้อโคขุนของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ซื้อมาทั้งตัว เวลาลูกค้าสั่งก็สไลด์เนื้อเป็นชิ้นๆ น้ำจิ้มมี 2 อย่าง น้ำจิ้มสุกี้และแจ่ว
...
ส่วนใครไม่กินเนื้อไม่ต้องเสียใจ พี่ยุ้ยมีสันคอหมูสไลด์ไว้ให้ เลือกส่วนที่เป็นสันคอเนื้อจะนิ่ม
ตัวน้ำซุป ทางแม่ครัวต้มโครงไก่ ตะไคร้ รากผักชี และใบเตย เคี่ยวไว้ตั้งแต่บ่าย
เมนูนี้ต้องลงมือเอง มีหม้อดินเผาตั้งบนเตาใส่น้ำซุป เวลากินก็แค่เติมผักต่างๆลงไป คุณชายสี่เลือกสันคอหมู คีบด้วยตะเกียบเอาไปลวกพอสุก จิ้มน้ำจิ้มสุกี้ หมูช่างนุ่มได้ใจสุดๆ ตักน้ำซุปซดสักหน่อย หวานคอดีจัง
ชิมอาหารอีสานไปแล้ว ขอเมนูทางเหนือบ้าง พี่ยุ้ยบอกลองลาบหมูคั่วสูตรคุณแม่แฟน
เครื่องปรุงมี ดีปลี เม็ดผักชี มะแขว่น เครื่องเทศทางเหนือ ข่า ตะไคร้ กระเทียม พริกแห้ง ตำรวมกันแล้วใส่กะปิ เอามาผัดน้ำมัน จากนั้นลวกหมู เครื่องใน ใส่เครื่องเทศลงไปคลุก เมนูนี้มีทั้งหมูและเนื้อ
ชิมคำแรกรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของเครื่องเทศ เคี้ยวเครื่องในหมูไม่มีกลิ่นคาว อร่อยแปลกลิ้น
...
เมนูสุดท้ายอาหารทะเล พี่ยุ้ยเลือกเมนูกุ้งเผาราดชีส เมนูนี้ทำไม่ยาก ใช้กุ้งแม่น้ำเผาให้สุกกำลังดี ราดด้วยชีสมอสซาเรลล่าก็พร้อมยกเสิร์ฟ เหมาะสำหรับคนรักชีส ความนุ่มของชีสเข้ากับเนื้อกุ้ง เพื่อไม่ให้เลี่ยนเกินไป ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดไปสักหน่อย อร่อยไปอีกแบบ
เสน่ห์ของร้านเป็นบรรยากาศที่เย็นสบาย ติดริมบึง อาหารก็หลากหลาย อาหารอีสานเป็นอะไรที่ลูกค้าชอบ จุดเด่นของร้านคือส้มตำที่มีมากกว่า 20 เมนู ลูกค้ามาก็สั่งกันคนละจานๆ ตำถาดวาซาบิลูกค้าสั่งมากที่สุด
พี่ยุ้ยชอบเสาะหาอาหารอร่อย ร้านไหนดีต้องไปลอง ชอบดูรายการอาหารทางทีวี หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเอาสูตรมาประยุกต์เป็นเมนูที่ร้าน
“พี่ชอบกินส้มตำและชอบอาหารญี่ปุ่นก็เลยเอามารวมกันเป็นเมนูตำถาดวาซาบิหรือตำแซลมอน”
ราคาอาหารจะกลางๆ อย่างจิ้มจุ่มโคขุนชุดละ 150 จิ้มจุ่มน่องลายชุดละ 140 ตำแซลมอน 150 ตำถาดวาซาบิ 180 ลาบหมูคั่ว 90 กุ้งเผาราดชีส 4 ตัว 250 แนะนำเวลาสั่งส้มตำแซลมอนต้องกินคู่กับชุดย่างทะเลเผาชุดละ 400 อัดแน่นไปด้วยปูม้า หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ หอยแครง ปลาหมึกย่าง กุ้งเผา
...
คุณชายสี่สังเกตทุกโต๊ะลูกค้าสั่งคอหมูย่างมากิน พี่ยุ้ยรู้ทันบอกเด็กในร้านยกมาชิมสักจาน คราวนี้เลยถึงบางอ้อ “เราใช้ส่วนที่อร่อยที่สุดตรงคอ ตัวหนึ่งจะมีชิ้นเดียว กินแล้วคล้ายๆนมย่าง เนื้อนุ่ม” พี่ยุ้ยว่า
ที่ร้านมีกาแฟสดบริการ พี่ยุ้ยกระซิบ เพิ่งไปเรียนสูตรการชง อยากแวะชิมความอร่อยสอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์ 0-2573-4972 ร้านเปิดตั้งแต่ห้าโมงถึงเที่ยงคืนทุกวัน หยุดช่วงวันสงกรานต์ให้เด็กได้กลับบ้าน
“ละแวกนี้มีร้านอาหารอีสานเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าเลือกมาร้านเรา เพราะน้ำจิ้มของเราออกสไตล์ทางเหนือไม่เหมือนใคร แตกต่างจากอาหารอีสานทั่วไป มาแล้วต้องมีอะไรที่พิเศษแน่นอน”.
คุณชาย 4