เรือแป๊ะเป็นแพขนานยนต์สั่งล่าอีก7รายคดีป่วนเมือง โจกนปช.แห่แก้ต่างพัลวัน

“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะถกหัวส่วนราชการ สั่งรวบยอดคุมเข้มความปลอดภัยทุกพื้นที่ยาวไปจนหมดอายุรัฐบาล คสช. ลั่นให้ตามรวบขบวนการป่วนให้ครบแก๊ง “บิ๊กป้อม” บอกยอมตกเป็นเป้าพร้อมนายกฯแต่ไม่อยู่นิ่ง “บิ๊กต๊อก” แจงคุมขัง 2 ผู้ต้องหาใน มทบ.11 มั่นใจมาตรฐานสูงกว่าเรือนจำทั่วไป ตำรวจตามแกะรอยกลุ่มมือโพสต์หมิ่นหลบอยู่ต่างประเทศ แกนนำ นปช. กังขาจับอดีต ตชด.ตั้งข้อหา ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ เย้ยแค่คนแก่ไร้ศักยภาพซ่องสุมกำลัง-อาวุธประทุษร้าย “ณัฐวุฒิ” จี้รัฐบาลนำตัวผู้ต้องหาแถลงข่าวสร้างความกระจ่าง “มีชัย” ย้ำชัดกติกาใหม่ให้เลือก ส.ว.ทางอ้อมจากกลุ่มองค์กรทางสังคม เปิดกว้างไม่จำเป็นต้องมีปริญญา ชักใบแดงไล่คนโกง ห้ามลงสมัคร ส.ส.ตลอดชีวิต บ้านเลขที่ 109-111 หายห่วงได้ลงสนามเลือกตั้งชัวร์

จากกรณีที่มีการจับกุม จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีต ตชด.และนายณัฐพล ณวรรณ์เล 2 ผู้ต้องหาคดีผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่เตรียมวางแผนก่อกวนงานสำคัญ โดยพุ่งเป้าประทุษร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สั่งฝ่ายความมั่นคงระดมทหาร-ตร.คุมเข้มช่วงงานสำคัญทุกพื้นที่ยาวไปจนพ้นอายุรัฐบาลชุดนี้

“บิ๊กตู่” สั่งคุมเข้มช่วงงานสำคัญ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 พ.ย.ที่สำนัก งบประมาณ กระทรวงการคลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเป็นประธานคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าว่า เรื่องของความมั่นคงได้สั่งการให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะจะมีนักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้นให้ดูทั้งเรื่องการจราจร จุดที่แออัด ดูในเรื่องของเส้นทางการบิน ปรับแผนสำคัญทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ ฝากตำรวจ-ทหาร อย่างเดียวไม่ได้ คงไปไม่รอด เพราะคนจำนวนมาก ตำรวจ ทหารก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ สั่งให้เปิดช่องทางแจ้งเหตุ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่จะมีกิจกรรมสำคัญๆได้สั่งให้เพิ่มสายตรวจ ชุดเคลื่อนที่เร็ว มีทั้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจและทหาร ดังนั้น อย่าตื่นตระหนกก็แล้วกัน โดยเฉพาะพื้นที่จราจรติดขัด พื้นที่ที่มีความเสี่ยง เส้นทางสำคัญๆ และติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม

...

ลั่นพวกป่วนจับขึ้นศาลลูกเดียว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เหมือนช่วงที่ผ่านมามีการตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวป่วนกรุง โดยให้เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรมเพราะใครก็ปฏิเสธได้ทั้งนั้น แต่กฎหมายหลักฐานว่าอย่างไรใครก็ปฏิเสธไม่ได้ หากวันนี้สารภาพ วันหน้าปฏิเสธอีกต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการยุติธรรมไม่อย่างนั้นจะถูกกล่าวหาว่า จับแล้วปล่อย ดังนั้นต้องนำเข้ากระบวนการของศาล ไม่ใช่ไปกลับคำให้การถึงจะต้องมีอาชีพทนายความ และขอฝากคนในอาชีพนี้ว่า สิ่งใดที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย หากแก้ให้เขามากๆมองแต่เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว คนเหล่านี้ได้ใจตลอด เคยตัว แล้วมีแต่ จะแรงขึ้นๆอยู่กับกฎหมายใช้ช่องว่างของกฎหมายเอามาเรียนรู้ กระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย จึงต้องสร้างการเรียนรู้ให้มากขึ้น

ย้ำต้องตามรวบตัวให้ได้ทั้งหมด

เมื่อถามว่า การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านความมั่นคง จะให้ยาวไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ดูแลไปตลอดในช่วงที่รัฐบาลผมยังอยู่ ในเมื่ออยู่กันเงียบๆไม่ได้ แล้วมีเหตุการณ์ อย่างนี้ขึ้นมาก็ต้องดูแลกันใหม่มากขึ้น สร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ก็อย่าไปบั่นทอนความเชื่อมั่นไม่ใช่ไปบอกว่าทหารออกมาตำรวจออกมาเยอะๆ สร้างความตื่นตระหนก สร้างความเสียหาย แล้วเวลาพวกมันทำประเทศเสียหายหรือไม่ ผมพยายามทำไม่ให้เสียหายแต่ก็พยายามจะกลับไปที่เก่า แล้วคนที่ถูกจับมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องหรือยัง ซึ่งทางตำรวจได้รายงานผมมาแล้ว แถลงข่าวไปแล้ว ในเมื่อเป็นหน้าที่ที่ผมมอบนโยบายไป คนรับผิดชอบก็ไปทำงานมา รายงานหัวหน้าไม่ใช่ว่าผมต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ผมเองก็ต้องรู้ทุกเรื่องเพื่อเอาไว้ตอบสื่อ ตอนนี้ก็กำลังสอบสวนต่อออกหมายจับ 9 คน หนีได้ 7 คน ที่เหลือตามจับอยู่ ต้องตามจับให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งสิ้น ก็ตามจับอยู่”

“ประวิตร” ไม่หวั่นปัดเพิ่ม รปภ.

ที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ภายหลังจากที่มีการออกหมายจับกลุ่มบุคคลวางแผนประทุษร้ายว่า มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยไม่ได้มีความเข้มข้นขึ้นแต่อย่างใด เพราะตนไม่ได้ทำอะไรใครมีหน้าที่ทำงานให้กับประเทศและประชาชน ดังนั้น จะไปขัดแย้งกับใครและจะมีใครมาทำอะไรตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งตนไม่ใช่แกนหลักของรัฐบาลเป็นเพียงแค่รองนายกรัฐมนตรี คนที่ตัดสินใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.แต่ตนเป็นเพียงผู้รับผิดชอบร่วมกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่มาบอกว่าตนตกเป็นเป้าหมายพร้อมนายกฯก็ไม่เป็นอะไรเพราะเป้าก็เคลื่อนที่ไปมาไม่ได้อยู่กับที่

“จตุพร” เย้ยจับ ตชด.แก่สิ้นสภาพ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกลผ่านยูทูบ ถึงกรณีการจับกุม จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีต ตชด.และนายณัฐพล ณวรรณ์เล เป็นผู้ต้องหากรณีวางแผนป่วนเมือง โดยเชื่อมโยงกับกลุ่ม นปช.ว่า จ.ส.ต.ประธิน และนายณัฐพล ถูกอุ้มจากบ้านพักไปเก็บตัวที่ค่ายทหาร ก่อนงานซ้อมปั่นเพื่อพ่อที่ จ.ขอนแก่น 2 วัน และเมื่อถึงงานซ้อมปั่นเพื่อพ่อ 22 พ.ย.กลับไม่มีเหตุการณ์ป่วนเกิดขึ้น ที่ตำรวจระบุว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นกลุ่มขอนแก่นโมเดล มีแนวคิดก่อการร้าย ซ่องสุมกำลังพลและอาวุธ พร้อมยึดค่ายทหารและตำรวจนั้น ภริยาของ จ.ส.ต.ประธิน บอกว่า สามีมีสภาพคนแก่ สิ้นหวัง ตกงานอยู่บ้าน ไม่มีศักยภาพซ่องสุมกำลังทำขอนแก่นโมเดล ส่วนนายณัฐพลไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กมานานแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคนจึงไม่มีพฤติกรรมป่วนหรือประทุษร้ายได้แต่อย่างใด

กังขายัดข้อหา ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์

นายจตุพรกล่าวว่า ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เชื่อหรือว่า ทั้งสองคนสะสมอาวุธ กำลังคน วางแผนยึดค่ายทหาร ตำรวจ เพื่อก่อเหตุรุนแรง ถ้าเป็นจริงแล้วเหตุใดไปตั้งความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การแถลงข่าวของตำรวจเอาง่ายเข้าไว้ โยงผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคนพันกับเหตุการณ์ขอนแก่นโมเดลให้เป็นเรื่องใหญ่โต พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ใช่การสร้างเรื่องกลบข่าวอุทยานราชภักดิ์ ยืนยันว่า ตนไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ขอนแก่นโมเดล และ นปช.ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย อยากเรียน พล.อ.ประยุทธ์ว่า การชุมนุมของ นปช.มีคนมาร่วมหลายแสนคน ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ขอบอกว่าถ้าค่ายทหารขอนแก่นหรือทั้งประเทศ ถูกตำรวจเกษียณยึดค่ายได้ อย่ามีค่ายทหารเลย คนพวกนี้จะไปยึดโรงพยาบาลบ้ายังไม่มีปัญญาเลย

“เต้น” จี้นำผู้ต้องหาแถลงข่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า การจับกุมตัวกลุ่มคนที่เตรียมก่อเหตุวุ่นวายและปองร้ายบุคคลสำคัญมีหลักฐานชัดเจน แต่ขณะนี้ไม่มีใครทราบว่า หลักฐานที่อ้างคืออะไร เมื่อพิจารณาตัวตนของผู้ต้องหายิ่งน่าสงสัยว่า คนพวกนี้มีศักยภาพเพียงพอก่อการหรือไม่ ถ้าจะให้ชัดรัฐบาลต้องนำตัวผู้ถูกจับกุมมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สังคมจะได้ใช้วิจารณญาณว่า คือนักล่าที่มีคนระดับนายกฯเป็นเหยื่อ หรือเป็นเหยื่อที่ถูกล่า เพื่อแก้ปัญหาการเมืองให้ผู้มีอำนาจ เพราะอยู่ๆรัฐบาลก็เปิดเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วชี้ว่าเกี่ยวข้องกับ นปช. ยังนึกไม่ออกว่า นปช.ไปเกี่ยวข้องในเรื่องที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดได้อย่างไร ถ้าเป้าหมายเรื่องนี้อยู่ที่การเบี่ยงเบนประเด็นทุจริตอุทยานราชภักดิ์ มั่นใจว่าไม่สำเร็จ เพราะกรณีนี้ยังขาดน้ำหนักให้สังคมเชื่อ

“เหวง” โวยแค่ป้ายสีกลบข่าวฉาวโฉ่

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนที่ถูกจับกุมถูกกล่าวหาว่าวางแผนลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตร นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เห็นได้ว่ารอบตัวนายกฯและรองนายกฯมีการอารักขาอย่างเข้มงวดแทบจะกล่าวได้ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ดูศักยภาพแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไปลอบสังหาร เรื่องนี้เป็นความพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงที่มีอยู่เป็นแสนเป็นล้านตั้งใจสร้างเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมจากเรื่องอุทยานราชภักดิ์ที่ฉาวโฉ่ขึ้นทุกที ไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.เลยเพราะนโยบาย นปช.ดำเนินการโดยสันติวิธีปราศจากอาวุธ ใครที่ดำเนินการรุนแรงเราปฏิเสธหมด และเท่าที่ติดตามจากสื่อทราบว่าบางคนที่ถูกจับกุมเป็นคนสติไม่ดีด้วยซ้ำจะไปวางแผนลอบสังหารได้อย่างไร

เผยขังใน มทบ.11 สบายกว่า

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีการควบคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ และนายณัฐพล ณ วรรณ์เล 2 ผู้ต้องหา ม.112 และเป็นสมาชิกเครือข่ายขอนแก่นโมเดล ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11นั้น ตนไม่ได้สั่งการหรือเพิ่มมาตรการอะไรพิเศษ ที่ผ่านมาย้ำตลอดว่า เรือนจำชั่วคราวเป็นเรือนจำกรมราชทัณฑ์ จะไปอยู่ในค่ายทหารหรือตำรวจก็เป็นเรือนจำราชทัณฑ์ มีมาตรฐานเหมือนเรือนจำถาวรทั่วไปอยู่แล้ว จริงๆต้องบอกว่าเรือนจำ มทบ.11 ทั้งด้านสถานที่และการดูแลสูงกว่าเรือนจำถาวรด้วยซ้ำ เพราะเรือนจำถาวรต้องอยู่รวมกันกับผู้ต้องขังจำนวนมาก ที่นอน ที่กิน ห้องน้ำ มันติดขัดไปหมด แต่เราไม่ได้ทำให้สิทธิเขาในเรือนจำถาวรลดลง แต่ในเรือนจำชั่วคราวมันทำให้เกิดความสะดวก มีห้องน้ำในตัวด้วย มาตรฐานสูงกว่าเรือนจำถาวร แต่สิ่งที่เปิดเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 เพราะต้องการอำนวยความสะดวกในเรื่องของการสอบสวนคดีสำคัญๆเท่านั้น

ซัดทอดผู้บงการอยู่ต่างประเทศ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม บช.สยศ. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายขอนแก่นโมเดลพร้อมอาวุธร้ายแรงเตรียมวางแผนการป่วนช่วงเทศกาลสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อายุ 60 ปี และนายณัฐพล ณ วรรณ์เล อายุ 26 ปี ตามความผิดมาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาหลบหนีอีก 7 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งส่งเอกสารไปตามด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามจับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ 2 รายดังกล่าว จากการสอบสวนเริ่มมีการให้การซัดทอดไปยังกลุ่มบุคคลที่โพสต์ข้อความกล่าวอ้างหมิ่นสถาบันฯทางโซเชียล-มีเดีย ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 9 รายก็จะออกหมายจับเพิ่มเติม

“มีชัย” ย้ำชัดเลือก ส.ว.ทางอ้อม

อีกเรื่องเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวก่อนการประชุมกรธ.ว่า กรธ.ยืนยันในหลักการให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากองค์กรนิติบุคคล และกลุ่มสังคม แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะมีกลไกการเลือก ส.ว.อย่างไร เพื่อให้ได้ ส.ว.ที่เหมาะสมกับสังคมไทย และป้องกันการล็อบบี้การเลือก ส.ว. ส่วนอำนาจและหน้าที่ของ ส.ว.จะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญในอดีตกำหนด โดยไม่ให้ ส.ว.มีอำนาจถอดถอน จะให้อำนาจถอดถอนบุคคลไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญแทน หากเป็นกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำขัดรัฐธรรมนูญ ถูกกล่าวหาในคดีถอดถอน จะให้เป็นหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณา ขณะเดียวกัน กรธ.มีความคิดว่า จะปรับปรุงการพิจารณากฎหมายของวุฒิสภาให้รวดเร็วมากขึ้น จากเดิมที่ ส.ว.ต้องพิจารณากฎหมายที่ส่งมาจากสภาผู้แทนราษฎร 3 วาระ ทำให้เกิดความล่าช้า จึงควรหาทางลดขั้นตอนในส่วนนี้ อาจกำหนดกรอบเวลาให้ ส.ว.พิจารณารับหลักการวาระ 1 และพิจารณารายมาตรา วาระ 2 โดยรวดเร็วมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาการพิจารณาของ ส.ว.มีขั้นตอนยาว ซ้ำซ้อนค่อนข้างมาก

ยังไม่เคาะคดีโกงไร้อายุความ

นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนแนวคิดเรื่องการให้คดีทุจริตไม่มีอายุความนั้น กรธ.ยังไม่ได้พิจารณาแต่อยู่ระหว่างการหารือกับศาลฎีกาเกี่ยวกับกระบวนการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อหาข้อสรุปว่า ควรให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายได้พร้อมกัน หรือจะให้อุทธรณ์ได้เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง และขั้นตอนหลังจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ มีมติรับคำร้องจะมีกระบวนการพิจารณาคดีอย่างไร เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากอะไรถึง กรธ.ในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.หรือไม่ นายมีชัยตอบว่า ไม่ฝากอะไรเป็นพิเศษ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ให้หนังสือมาอ่านหนึ่งเล่ม มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศและปัญหากับดักในระบอบประชาธิปไตย ตนยังไม่มีเวลาอ่านจบเล่ม แต่มอบให้ กรธ.ไปศึกษาแล้ว ยืนยันว่าการร่างรัฐธรรมนูญจะทันตามกรอบที่กำหนดไว้แน่นอน

เปิดกว้าง ส.ว.ไม่ต้องจบ ป.ตรี