ปฏิกิริยาตอบสนองของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ตามที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
กรณีที่มีการแชร์ภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์กเชิญชวนให้ใส่เสื้อแดง หรือติดสัญลักษณ์สีแดงเพื่อให้กำลังใจ “อดีตนายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 1 พ.ย.นี้
นายกฯรับทราบความเคลื่อนไหวในประเด็นดังกล่าวแล้ว
“ขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจว่าจะเป็นการทำให้เกิดการแบ่งแยกในสังคมขึ้น
อีกหรือไม่ ถ้าเอาความรู้สึกส่วนตัวเป็นที่ตั้ง จะทำให้การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองลำบาก”
ดังนั้นต้องเคารพกฎกติกาและกฎหมาย
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. บอกทางเดียวกัน เรียกร้องให้การแสดงออกใดๆในช่วงเวลาพิเศษต้องระมัดระวัง ไม่ให้ถูกตีความเป็นเรื่องการเมือง
หากปลุกระดม ก็ต้องดำเนินการตามแนวทางที่ คสช.ขอความร่วมมือไว้
เงื้อกระบองปรามขู่ในทีเหมือนกัน
แล้วก็ไม่แน่ใจว่า แรงกระเพื่อมจากคิวใส่เสื้อแดง “เชียร์ยิ่งลักษณ์” ในห้วงติดบ่วงคดีจำนำข้าว จ่อโดนคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ ที่ทำให้ “บิ๊กตู่” อารมณ์เสีย
บ่นพาดพิงถึงสื่อ “ช่วงนี้ข่าวมีแต่อะไรไม่รู้”
แต่ที่แน่ๆนายกฯของขึ้นรอบนี้ อยู่ในห้วงที่พยายามปิดปาก เลี่ยงกลายเป็นตำบลกระสุนตกเสียเอง
สงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวที่เริ่มปรากฏในห้วงที่มีการตอบโต้ทางการเมือง โดยเฉพาะการขยับของคนในเครือข่ายขั้วอำนาจพรรคเพื่อไทย
ปมชนักคดีของอดีตนายกฯหญิง น่าจะเป็นอีกเหตุสำคัญ
เช่นเดียวกับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพิ่งเริ่ม “ทำซ้ำ” กฎกติกาประเทศ เปิดฟลอร์รับฟังความคิดเห็นองค์กรต่างๆ
...
เสียงโหวกเหวกโวยวายก็เริ่มดัง ชนิดเริ่มสะเทือนสมาธินายกฯเหมือนกัน
โดยเฉพาะที่หลายฝ่ายตั้งป้อมค้านทันที กับการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) พิมพ์เขียวจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกคว่ำ
คปป.ที่ถูกมองว่าเป็นการตั้งองค์กร “รัฐซ้อนรัฐ” วาระแฝงต่อท่ออำนาจ
ถูกจับจ้องแต่ไก่โห่ ชนิดที่แม้ว่าคนในรัฐบาลจะยืนยัน
ถึงความจำเป็นในการมีองค์กรเข้ามาทำหน้าที่ประคับประคองประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้เกิดวิกฤติประเทศ ป้องกัน
การปฏิวัติ
แต่ก็ยังเป็นจุดโฟกัส รายการนี้เสี่ยงพา “คว่ำ” ทั้งขบวน
โดนถามเช้าซักเย็น ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ต้องบอก เตรียมทางออกไว้แล้ว
ดูทรงแล้วคิวนี้เดินหน้าต่อแน่ เพียงแต่จะพลิกแพลงสูตรออกรูปไหน
ยังไงอำนาจพิเศษก็คงไม่ “ปล่อยมือ” ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
อย่างไรก็ตาม มีอีกข้อเสนอที่ผุดขึ้นมาท่ามกลางการถกเถียง กรณีที่นายสัญญา สถิรบุตร อดีต ส.ส.กทม. และอดีตที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาแนวทางปฏิรูปพรรคการเมือง สปช. ออกมายิงสูตรพิเศษ
เสนอให้ตั้งคณะ “ลูกขุนสภา” มาทำหน้าที่ “คนกลาง”
โดย “ลูกขุนสภา” จะมีองค์ประกอบ จากตัวแทนองค์กรภาคประชาชน องค์กรวิชาชีพ เครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน ส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการเพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งในสภา อาทิ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายสัญญาเห็นว่า สูตรนี้จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆยุติได้ในสภา โดยประชาชนมีส่วนร่วม
ป้องกันปัญหาลามสู่ท้องถนน จนเกิดวิกฤติ และทหารต้องเข้ามาระงับเหตุ
“ปิดประตูปฏิวัติ” ได้เช่นเดียวกับการตั้ง คปป.
เป็นอีกสูตรที่เริ่มมีเสียงขานรับจากองค์กรต่างๆ และเตรียมเสนอต่อนายกฯ และประธาน กรธ.
เพื่อดึงประชาชนมาร่วมหาทางออก “วิกฤติประเทศ”.
ทีมข่าวการเมือง