(ภาพจาก : AP)

เมื่อ 23 ก.ย. บริษัท โบอิ้ง ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐฯ เผยว่า บริษัทเอกชนของจีน ได้แก่ ไชน่า เอวีเอชั่น ซัพพลายส์ โฮลดิ้ง คอมปานี กับ ไอซีบีซี ไฟแนนเชี่ยล ลีซซิ่ง และไชน่า ดีเวลลอปเมนต์ แบงค์ ลีซซิ่ง ลงนามข้อ ตกลงซื้อขายเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นโบอิ้ง 737 จำนวน 300 ลำ อีกทั้งบริษัทการบินพาณิชย์ของจีน หรือ “โคแมค” ซึ่งเป็นของภาครัฐ ยังร่วมลงนามข้อตกลงกับบริษัท โบอิ้ง สร้างศูนย์ผลิตประกอบเครื่องบิน 737 ที่จีน รวมเป็นมูลค่าราว 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1,379,000 ล้านบาท) หลังนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางถึงเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ซึ่งเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตของบริษัท โบอิ้ง ก่อนมุ่งหน้าไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา

อย่างไรก็ตาม นางเกิง เหอ ภรรยาของนายเกา จื่อเชิง ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนจีนที่เคยถูกคุมขังและทรมานอยู่ในสถานกักกันหลายปีก่อนได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2557 ปฏิเสธคำเชิญซึ่งมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวจีนเข้าร่วมประชุมกับนายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน เพราะเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่หยิบประเด็นสามีตัวเองที่ถูกรัฐบาลจีนกักขังและทรมานขึ้นมาพูดคุยกับผู้นำ

ขณะเดียวกัน นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ เผยถึงโครงการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง (เอชเอส 2) มูลค่า 11,800 ล้านปอนด์ (ราว 653,000 ล้านบาท) เพื่อย่นระยะทางในการเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองต่างๆ ทางตอนเหนือให้เร็วและสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยเริ่มไปถึงเมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการเดินทางจาก 1.20 ชม. เหลือเพียง 50 นาที จะมีการเปิดยื่นซองประมูลกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหม่ 7 บริษัทที่เมืองเฉิงตู ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ในวันที่ 5 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

...

นายออสบอร์นยังกล่าวเสริมว่า การเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจทางตอนกลางและตอนเหนือของประเทศ ทั้งที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกรงว่า โครงการดังกล่าวจะไปทำลายผืนป่าและความเป็นต่างจังหวัด และยังทำให้จากเมืองชนบทกลายเป็นเมืองเดินทางเข้าออกมุ่งสู่เมืองกรุง ขณะที่นายออสบอร์นเผยว่า รัฐบาลกำลังมุ่งเดินหน้าปรับความสมดุลใหม่ทางเศรษฐกิจและปรับปรุงพัฒนาระบบขนส่งคมนาคม ซึ่งการเปิดโครงการ เอชเอส 2 เป็นกุญแจสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวทั่วภาคเหนือและภาคกลาง.