"มาร์ค" ร่วมเวที สศช.ประชุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับ 12 "บิ๊กตู่" แจงไม่เคยคิดสืบทอดอำนาจ ยอมรับขณะนี้มีวิ่งเต้นร่วมสภาขับเคลื่อนฯ และ กรธ.จำนวนมาก ขู่ใครวิ่งเต้นขีดชื่อทิ้งทันที พร้อมลั่นไม่อยากได้โรดแม็ป 20 เดือน พร้อมคืนอำนาจ แต่ยังไม่สงบ ฝาก"อภิสิทธิ์"บูรณาการงานทุกกระทรวง วอนวันนี้ทุกพรรคหยุดตีกัน ย้ำประเทศเดินหน้าได้ รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ชาติควบคู่นโยบายพรรค ปัดไม่ได้เสนอตั้ง คปป.เพื่อ สปช.คว่ำร่าง รธน.เพื่อสืบทอดอำนาจ วอนรัฐบาลใหม่ร่วมมือปฏิรูปประเทศป้องกันรัฐประหาร ลั่นอย่าเสียเวลากับประชาธิปไตยที่ไม่เป็นธรรม...
เมื่อวันที่ 14 ก.ย.58 ที่อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2558 ของ สศช. เรื่อง "ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)" ซึ่งภายในงานนอกจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมและเลขาฯ สสช. ยังมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ สสช.เชิญมาในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานด้วย
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 นี้ ถือว่ามีความสำคัญเพราะอยู่ระยะที่ คสช.เข้ามาทำงาน โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนเกิดความมั่นคง มั่นคั่งและยั่งยืน และไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคต อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ทั้ง 11 ฉบับที่ผ่านมาถือว่าดี แต่อาจจะไม่ทันใจ ซึ่งเทียบกับประเทศอื่นๆ นั้นมีการพัฒนาได้เพราะมีการพัฒนาคน วันนี้จึงต้องมีการวางรากฐานให้เกิดความมั่นคงในระยะยาว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์วันนี้ต้องมองไปข้างหน้าอีก 20 ปี ซึ่งตนคงไม่อยู่แล้ว ต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้นทุกด้าน อย่าให้ลูกหลานผิดหวัง โดยต้องสอดคล้องทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพราะจะมีการแข่งขันมากขึ้น การพัฒนาประเทศจะถูกล็อกด้วยกฎหมายกติกาต่างๆ จำนวนมาก ช่วงที่ผ่านมาเราก็ทำเฉยๆ ไว้ แต่พอรื้อออกมา จึงรู้ว่ามีหลายเรื่องที่ไม่ได้ทำ ตอนนี้ก็ต้องมาเร่งแก้ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะทุกประเทศก็คุยกับตนดี
...
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผมมาอย่างไร แต่ปัญหาหลักคือเขาสนใจว่าเศรษฐกิจเขาจะไปอย่างไร เพราะเศรษฐกิจบ้านเขาอยู่ในบ้านเรามาก แต่ยืนยันว่าเราดูแลเขาอย่างดี ไม่เคยกดดันหรือปิดกั้น มีแต่อำนวยความสะดวกมากขึ้น ปีที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยถึงการพูดคุยเรื่องการพัฒนาคน พัฒนาประเทศ ซึ่งผ่านมาแล้ว 1 ปี พยายามเร่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ตั้งแต่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้อยากจะเป็น วันที่ 30 ส.ค. 57 ก็มีการแถลงนโยบายต่อสนช.ไปแล้ว วันที่ 12 ก.ย. 57 ครบ 1 ปีก็พูดไปเยอะแล้ว ในทุกวันศุกร์ก็มีทั้งคนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่วันนี้เขาบอกว่ามีคนดูลดลง เพราะเบื่อ วันหลังสงสัยจะต้องเล่นลิเก ดีไหม ในทุกวันศุกร์ นายกฯ เล่นลิเกเพราะเริ่มไม่สนุกกันแล้ว สาระเกินไป ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักคิดในสิ่งที่เป็นเรื่องราว เป็นสาระประเทศไทยก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป ดังนั้น มันต้องมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง มีความรู้บ้าง มีบันเทิงบ้างแต่ไม่หมายความว่าทุกคนจะต้องเครียดกันทั้งประเทศ ผมเองก็ไม่ต้องการประเทศไทยต่างจากประเทศอื่น เพราะมีจิตวิญญาณ มีความรู้สึก โรแมนติด รักใครชอบใครก็รัก เกลียดก็เกลียดมาก แต่ทำอย่างไร เราจะอยู่ร่วมกันได้ ทุกอย่างก็ต้องด้วยกฎหมาย ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ทำให้ทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน แต่จะให้ล้ำรวยเท่ากันคงยาก" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 ทุกคนทราบดี ตนคงไม่ต้องพูดอะไรอีก เพราะทุกอย่างมันไปไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ ก็ทราบดีว่า ทุกอย่างมันไปไม่ได้ "ท่านก็เหนื่อย ผมก็เหนื่อย อีกข้างก็เหนื่อย เหนื่อยกันไปทั้งหมด ผมก็ต้องเข้ามาดำเนินการ ก็ให้เวลาไปนานพอสมควรแล้ว ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา แต่แก้กันไม่ได้ ทำให้ประเทศเสียหาย ผมจำเป็นต้องเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็เห็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง ปัญหาในเรื่องงานต่างๆ ที่ทับซ้อนกัน วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาที่เกี่ยวโยงกัน เริ่มจากนักการเมือง ซึ่งผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองไม่ดี ร้อยละ 90 เป็นนักการเมืองที่ดี มีเยอะ แต่โดยระบบของการเมืองทำให้นักการเมืองต้องเป็นอย่างนั้น นอกจากนี้ก็เป็นส่วนของข้าราชการ ถ้าร่ำเรียนมา ต้องการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยไม่มีใครมาก้าวล่วง ไม่มีอำนาจในทางบริหารมาก้าวล่วงในสิ่งที่ไม่ควรจะเข้ามา ปัญหาก็จะเบาลง รวมทั้งประชาชนจะต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ไม่ให้ใครมาบิดเบือน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการศึกษาและการทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น วันนี้เราต้องแก้ไขในทุกเรื่องทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วันนี้เราเดินไป 3 โรดแมปแล้ว ระยะที่ 1 ผ่านไป ระยะที่ 2 กำลังบริหารประเทศและกำหนดนโยบายเดินไปข้างหน้า"
"ขอเรียนท่านอภิสิทธิ์เลยว่า ผมไม่ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว ขอให้บอกกับพวกเขาเลยว่าผมไม่ต้องการ วันเดียวยังไม่อยากอยู่เลย วันนี้เมื่อมันมีปัญหาเยอะ พวกท่านก็ต้องช่วยผม นักการเมืองที่ดีต้องช่วยให้ผมทำอย่างไรให้สร้างรากฐานประเทศก่อน ที่ผ่านมาสร้างไม่ได้ เพราะการแข่งขันทางการเมืองสูง ประชาชนเลยต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ไม่สนใจเรื่องอื่น สนใจแต่เรื่องการเมือง ดังนั้น ทำอย่างไรจะทำให้การเมืองคือเรื่องการบริหารประเทศ ทำให้ทุกคนเข้าใจเดินหน้าไปให้ได้ โดยมีธรรมาภิบาล ไม่ใช่มาต้อสู้กัน โดยเอาประชาชนมาต่อสู้ ผมก็ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าให้มีขึ้นอีกก็แล้วกัน วันนี้เรากำหนดประเด็นการปฏิรูป 11 ด้าน สำหรับเรื่องรัฐธรรมนูญก็เหมือนเดิม ผมไม่ได้ต้องการให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน ผมไม่สนใจเพียงแต่ให้ไปทำ ไปคิดกันมา อย่าให้ผมต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง ถ้าผมรับผิดชอบเองคงไม่ต้องตั้ง สปช. กรธ. ผมคงเขียนรัฐธรรมนูญเอง ซึ่งหลายประเทศก็ทำกัน แต่ผมก็แต่งตั้งคนให้ไปร่างรัฐธรรมนูญมา แต่เมื่อร่างฯ เสร็จก็ไม่เห็นชอบก็กลับมาให้เป็นอำนาจของนายกฯ เป็นคนตั้ง โดยหัวหน้า คสช.เป็นผู้รับผิดชอบร่วมด้วย เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับผมเท่าไหร่ดังนั้นคราวหน้าถ้าใครไม่เข้ามาอยู่ใน สปช.ก็ห้ามไปพูดในทุกๆ ที่ มีอะไรก็ให้ไปพูดใน สปช. แล้วกรธ.ก็จะเป็นผู้ทำ โดยรับฟังจากความคิดเห็นทุกฝ่าย ซึ่งวันนี้ไม่ต้องมาวิ่งเต้นกับผม ใครวิ่งเต้นเข้ามาก็จะขีดชื่อทิ้งก่อนเลย วันนี้เยอะมาก วันนี้ได้มี สปช.ที่เสนอเรื่องการปฏิรูป 37 ประเด็น และมี สนช. ทำงานต่อในเรื่องกฎหมาย อะไรที่ทำได้วันนี้ผมก็จะพิจารณาและทำ อยากให้เข้าใจกันเสียที ไม่ใช่บ่นว่าไม่ได้ทำอะไร เมื่อปฏิรูปเสร็จออกมา สนช.ก็จะเป็นผู้ออกกฎหมาย ไม่เช่นนั้นใครจะทำก็ต้องฝากรัฐบาลหน้าแล้วเขาจะทำไหม" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการในระยะที่ 2 ของรัฐบาลในขณะนี้ หลังการนำปัญหาเดิมมาแก้ปัญหา เริ่มสิ่งใหม่ๆ ทำกฎหมาย 300-400 ฉบับ และเรื่องต่างๆ ที่ไม่สากล เราได้ทำทั้งหมด วางรากฐานประเทศ ทั้งนี้เรามีความอ่อนแอหลายด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ทำให้เราไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะเผชิญต่อสถานการณ์โลกในตอนนี้ การดำเนินการตามโรดแมปในระยะที่สามก็ขอให้รอหน่อย ตอนนี้มันเลื่อนไป 20 เดือน ถ้าเร็วขึ้นได้ก็เร็ว และ 20 เดือนนี้จริงๆ พวกตนไม่อยากได้เลย เพราะเป็นเวลาที่นานพอสมควร แต่มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ตนไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ เมื่อมันไม่ได้ก็ต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ตนไปสั่งให้ผ่านหรือไม่ผ่าน มันไม่ใช่ อย่าไปคิดว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ให้คิดว่าสิ่งที่เราทำไว้และเริ่มในวันนี้ ใครจะมาทำต่อ เข้าใจไหม ไปคิดเอาเอง เป็นเรื่องของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่ากันไป ถ้าทำเร็วก็เร็วกว่า 20 เดือน ไม่รู้ว่าท่านอภิสิทธิ์จะเตรียมตัวทันหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมอยู่แล้ว ตนก็พร้อมที่จะให้ แต่ปัญหาคือมันยังไม่เรียบร้อย ไม่สงบ ในประเทศไทยตนไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้มีเยอะ พูดจาแบบไม่รู้ฐานะความผิดความรับผิดชอบสำนึกตัวเอง ตนรู้ว่าตนมาแบบนี้ไม่ได้มาหวังอะไร แล้วมาด่าตนได้อย่างไร อย่างนี้ตนไม่ยอม เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาประเทศ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคการเมืองต้องร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ วันนี้อย่าเพิ่งตีกัน ถ้าเราดีกันวันนี้ วันหน้าก็จะไม่ทะเลาะกัน กฎหมายคือกฎหมาย ขณะที่ปัญหาของเราคือ การเป็นรัฐบาลผสม พรรคดูกันคนละกระทรวง วันนี้เราต้องทำงบประมาณร่วมกันทุกกระทรวง เรื่องน้ำมีกระทรวงไหนบ้าง ไม่ใช่ต่างคนต่างมี มันจะทำให้เสียหาย รัฐบาลต้องมีคณะกรรมการขับเคลื่อน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องต่างๆ ฝากตรงนี้ไว้ด้วย เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศต่อไปในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ทุกระทรวงเดินหน้าไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ขอแค่ 5 ปีพอ ถ้าทุกระทรวงมีเป้าหมายแล้วนำงบประมาณมาบูรณาการร่วมกัน ก็จะไม่ซ้ำที่เดิม ส่วนเรื่องคะแนนเสียงตนเข้าใจแง่การเมือง แต่ต้องแก้เรื่องของการเมืองใหม่ ให้เหมือนการเมืองประเทศอื่นๆ ที่เขาได้คะแนนเสียงจากนโยบายของเขาที่ทำได้จริง กระจายไปทั่วประเทศ แต่ของเรามักทำซ้ำที่เดิมตามคะแนนนิยม วันนี้ก็ต้องไปแก้ทั้งคนเลือก และคนที่ถูกเลือก แม้เราจะพัฒนาการเมือง มาถึง 83 ปีมาแล้วก็ตาม และก็ยังอยู่ที่เดิมๆ เวลาตนไปต่างประเทศ ทุกประเทศจะบอกว่า มียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเดินหน้าประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นการทำตามนโยบายพรรค มันต้องมี 2 ส่วน แต่ที่ผ่านมาเรามีแต่นโยบายพรรค
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนไม่ได้เสนอให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.)เพื่อไม่ให้มันไปไม่ได้ แต่ตนเห็นสปช.คิดมา เขาเริ่มต้นมาแล้วก็มาดูว่ามันไปได้หรือเปล่า ไม่ได้ต้องการไม่ให้ผ่านเพื่อจะมาอยู่ตรงนี้ เบื่อจะตายอยู่แล้ว แต่มันทิ้งไม่ได้ เพราะยังไม่พร้อม ถ้าพร้อมวันนี้แล้วพวกหนึ่งขี้นมาเป็นรัฐบาล อีกพวกหนึ่งจะเลิกไหม มันไม่เลิกทั้งคู่แล้วจะทำยังไง ฝากนักการเมืองไว้ด้วย ท่านอยากจะเลือกตั้ง ตนไม่มีปัญหา แต่หากมันเกิดเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง คงไม่มีใครมาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นไปขบวนรถไฟที่ 1 ใหม่ ตนพูดไม่ได้ให้ร้ายใคร ไม่มีใครเสียหายใช่ไหม
"ผมก็เคยทำงานกับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่าน และท่านเป็นนายกฯ กับอดีตนายกฯ ย่ิงลักษณ์ ชินวัตร ผมก็เป็นลูกน้อง เพราะเป็นระบบการบังคับบัญชา แต่เมื่อมีอะไรที่ไม่เรียบร้อยก็ต้องแก้กันเท่านั้นเอง กฎหมายก็ว่ากันไป" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "คน ถือว่าสำคัญที่สุด คนกับความคิดของคน ถ้ามันคิดไม่ดี คนมันก็ไม่ดี ถ้าเป็นคนดี คนเก่ง แล้วคิดดีทุกอย่างก็ไปโล๊ด อย่าสอนให้คนสุดโต่งเพราะถ้าบ้านเมืองไหนไม่มีวินัยภายในชาติมันก็ไปไม่รอด สิ่งที่ทุกคนต้องการอย่างแรกคือเสรีภาพ และประชาธิปไตย แล้วมันเป็นยังไง วันนี้มันเสพติดกับอำนาจ ต้องใช้อำนาจต้องใบ้กฎหมาย มันถึงกลัวกัน ทำไมไม่จิตสำนึกในคน ในตัวเองกันบ้างว่าไอ้นี่ไม่ควรทำก็ไม่ควรทำ เพราะถ้าทำไปแล้วตำรวจก็มาจับ แล้วก็ไปทะเลาะกับตำรวจอีก เพราะฉะนั้นเราต้องลดแรงกดดันให้ได้ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ การบังคับใช้กฎหมายและประชาชนถ้าประชาชนไม่ทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็เรียกและจับท่านไม่ได้ มันก็จะรักกัน กอดคอกัน ซึ่งเมืองนอกเป็นเช่นนี้ ไม่มาจับกุมกันเรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง แต่ประเทศไทยเป็นเรื่องได้ทุกเรื่อง เพราะสังคมเรายังไม่สมบูรณ์และแข็งแรงพอ ผมไม่โทษใครเราต้องสร้างสังคมให้ดีขึ้น ถ้าคนดี สังคมก็ดี คนที่มีความสำนึกความรับผิดชอบ รู้ว่าอะไรดีไม่ดี สิ่งเหล่านี้จะต้องบรรจุไว้ว่าคุณธรรมคืออะไร บางคนไม่รู้ว่าคุณธรรม ธรรมาภิบาลคืออะไร และผมก็ไม่เคยสั่งไปให้ท่องค่านิยม 12 ประการ ผมเพียงแค่เขียนให้ดูว่าทำได้หรือไม่ แต่นี่มาท่องเอาใจผม เขาก็มาด้าผมว่าโง่หรืออย่างไรที่สั่งเด็กให้มาท่อง เวลาที่นำมาโชว์ ผมอยากจะทุบหัวครูเหลือเกิน มาเอาใจผมทำไมเพราะเดี๋ยวคนก็มาด่าผม เพราะของจอมพล ป.ก็มีอยู่แล้ว เด็กเอ๋ยเด็กดี ผมก็เพียงแค่มาเต็มเหมือนกัน ก็ ป.เหมือนกันเป็น ป.ประยุทธ์ แต่ไม่ได้ไปเทียบกับท่านอยู่แล้วฉบับ 1 ฉบับ 2 ก็ทำทั้ง 2 อย่าง ไม่เห็นต้องมานั่งท่อง"
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องการทุจริตต่างๆ รัฐบาลนี้ไม่ได้เริ่มขึ้น แต่เกิดมาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ไม่ถูกดำเนินคดี อยู่ในองค์กรตรวจสอบต่างๆ ซึ่งตนก็ให้รวบมาเข้าสู่กระบวนการเพื่อจะได้จบเสียที ไม่เช่นนั้นก็คาอยู่อย่างนั้น นอกจากนี้ยังดูเรื่องการทำผิดกฎหมายที่วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรปากเสียกันเยอะ แล้วบอกว่าตนอารมณ์เสียบ่อยก็ชอบมายั่วอารมณ์ตน แทนที่จะคิดทำอะไรต้องมาเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนี้ ตอนอยู่ทำดีกันหรือไม่ คนอย่างนี้ใครจะรับไปอยู่ด้วย มีประมาณ 10-20 คน ไม่ได้รังแกเขาเลย แต่ชอบมายุ่งกับตน ก็รู้อยู่วันนี้ตนมาทำอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลทำโครงสร้างเรื่องการปฏิรูป และฝากให้รัฐบาลต่อไปทำ สิ่งไหนทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็คุยกัน อย่าไปกลัว ทำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก นั่นแหละเขาเรียกว่าการแก้การรัฐประหาร ซึ่งก็ต้องมี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ (คปป.) วันนี้ทุกคนบอกว่าจะไม่มีเรื่อง เอาอะไรมาประกันว่าไม่มีเรื่อง ทุกวันนี้ก็เห็นตัวอยู่แล้ว ใครจะเป็นรัฐบาลมันมีแค่นั้น จะเลิกกันได้หรือยัง ต้องกรีดเลือดสาบานกันก่อนไหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนท้ายว่า