"แม่" คำเรียกสั้นๆ ที่มีความหมายอันยิ่งใหญ่ สำหรับบางคนถือเป็นคำแรกที่เปล่งออกมาเมื่อครั้นยังเป็นเด็ก หากจะกล่าวถึงผู้หญิงคนนี้ หลายคนคงให้นิยามว่า เป็นหญิงผู้ให้กำเนิด ดังในเพลงค่าน้ำนม 'แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง' แต่ลึกลงไปนั้น แม่ยังเปรียบเสมือนทุกอย่างในชีวิตลูก เป็นกำลังใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ลูกเติบโตและใช้ชีวิตที่ดี

เนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันพุธที่ 12 สิงหาคม 2558 และในวันเดียวกันนี้ยังถือเป็นวันสำคัญของคนไทย ซึ่งตรงกับ วันแม่แห่งชาติ ของทุกปี เป็นวันที่ลูกทุกคนจะน้อมระลึกถึงพระคุณของผู้เป็น "แม่" ผู้ให้กำเนิดและมีบุญคุณต่อเรา

ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ " 2 นักการเมืองรุ่นใหม่" จาก 2 พรรคใหญ่ ถึงความรู้สึกและความประทับใจในฐานะลูกที่มีต่อแม่ผู้ให้ชีวิต เริ่มต้นที่ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ หรือ "ขิง" บุตรชาย นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา ภรรยานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย

...

"เอกนัฏ" เคยลงสมัครรับเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร เขต 29 (หนองแขม) สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ ความผูกพันและความประทับใจที่มีต่อ นางศรีสกุล ผู้เป็นแม่ ว่า

"ครอบครัวของผม ทั้งคุณแม่และน้องสาวมีความใกล้ชิดกันตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่คุณพ่อและคุณแม่แยกทางกัน ผมใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตั้งแต่เล็กจนโต ก็เลยมีความผูกพันเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาแม่เป็นหลายฐานะ ทั้งแม่ของลูก ทั้งอาจารย์ คนให้ข้อคิด เจ้านาย เหมือนเป็นทุกอย่างในชีวิต เป็นคนให้ความรักกับลูกมาโดยตลอด คุณแม่เน้นให้เวลาและคำสั่งสอน ไม่ได้เน้นสิ่งของและวัตถุ ตอนเด็กๆ ทุกวัน ตอนเย็นจะต้องกินข้าวกับคุณแม่และก็พูดคุยกัน ตั้งแต่เรื่องการเรียน การบ้าน คุณแม่ให้เวลาและแสดงความรักตลอด ท่านพยายามที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้

ในช่วงที่ไปเรียนต่างประเทศ คุณแม่พยายามที่จะสอนให้ใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง จำได้ว่าตอนไปเรียนหนังสือกับน้องสาว ไปส่งครั้งเดียวและไปอีกครั้ง คือ วันรับปริญญา ท่านจะพูดเสมอว่า อนาคตจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวเรา ถ้าถูกเลี้ยงให้ตามคุณแม่ไปเรื่อยๆ ก็ไม่โตอยู่ดี ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน จึงต้องทำตัวให้เป็นผู้นำ เพราะฉะนั้นตอนที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศยอมรับว่า แม่ส่งไปให้เราต่อสู้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ จะเรียนดียังไงก็แล้วแต่ ผมไม่เคยได้รับรางวัลจากคุณแม่ ท่านจะพูดอยู่เสมอว่า เรียนดีก็ได้ดีกับตัวเอง แต่ก็ให้กำลังใจตลอด ทำให้เรารู้สึกว่า อยากจะเรียนดีให้คุณแม่ภูมิใจและประทับใจ"

ถามว่า กดดันไหม? ที่ต้องทำทุกอย่างให้ออกมาดี "ไม่กดดัน เพราะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความเต็มใจ คุณแม่ไม่เคยบังคับ ให้ความอิสระในการตัดสินใจของลูกทุกคน ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน พยายามจะไม่ชี้นำด้วยซ้ำ ท่านพูดอยู่เสมอว่า ให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเราเป็นคนดี ทำดี ขยัน และอดทน เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ

ตัวผมเองมีความสนใจการเมืองตั้งแต่เด็ก เพราะเกิดจากการที่เราได้สัมผัส คุณแม่เองก็เป็นอดีตนักการเมือง ลงเลือกตั้งในปี 2531 ท่านจึงให้ความสำคัญกับการเมืองมาโดยตลอด พยายามปลูกฝังให้ลูกทุกคนสนใจ จนกลายเป็นความชอบในอาชีพนักการเมือง"

หลังจากที่เข้ามาสู่การเมือง คุณแม่ก็จะมีการแนะนำบ้าง น้อยครั้งที่จะชี้นำ ท่านพูดเพียงอย่างเดียวกัน คือ 'ถ้าเกิดทำอะไรในชีวิต ทำให้ดี ขยัน อดทน และที่สำคัญถ้าเป็นนักการเมือง จะต้องเป็นนักการเมืองที่ดี ที่สุจริต ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ' ตอนผมลงเลือกตั้ง ท่านไม่ได้มาช่วยหาเสียงเลย โชคดีที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ความสำเร็จทั้งหมดของเราก็ยกให้กับคุณแม่ คิดว่า ลึกๆ ท่านเองก็คงภูมิใจ"

วันแม่ปีนี้อยากบอกอะไรกับแม่เป็นพิเศษ? เอกนัฏกล่าวว่า “พอแม่อยู่ใกล้ตัวก็ทำให้ลืมพูดไป สิ่งที่อยากพูดก็คงเหมือนกับลูกทุกคน เนื่องจากคุณแม่คือ คนที่ทุกคนให้ความรักและเคารพมากที่สุด จึงอยากจะขอบคุณแม่ที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง และท่านก็คงหวังว่าวันหนึ่งลูกจะทำหน้าที่ดูแล เป็นการตอบแทน อยากให้เป็นลูกที่ดีให้คุณแม่ภาคภูมิใจในตัวเรา”

ด้านนักการเมืองรุ่นใหม่อีกท่านหนึ่ง คือ "อนุตตมา อมรวิวัฒน์" หรือ "จิ๊บ" รักษาการรองโฆษก และรักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย บุตรสาว นางอัญชลีพรรณ อมรวิวัฒน์ อดีตผู้บริหารระดับสูง ดูแลด้านส่งเสริมธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ ปัจจุบันช่วยงานด้านสังคมเน้นการพัฒนาคุณภาพสตรี กล่าวถึง ความผูกพันที่มีต่อคุณแม่ ว่า “คุณแม่เปรียบเหมือนคนสนิท เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งแม่ พี่ เพื่อน และคนที่คอยให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดในชีวิต รวมถึงยังเป็นกำลังใจให้เราในเรื่องการทำงาน เรียกได้ว่า ท่านมีความหมายที่สุดในชีวิตของจิ๊บเลยค่ะ

ตั้งแต่เล็กจนโต คุณแม่จะมีหน้าที่หลักในการเลี้ยงดู "จิ๊บ" และน้องสาวทุกเรื่อง ใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเรียนหรือการใช้ชีวิต มักจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ลูกๆ อยู่เสมอ ยิ่งตอนที่ต้องไปเรียนอยู่เมืองนอก เราโทรคุยกันเป็นประจำ ตั้งแต่เริ่มวางแผนการเรียน จิ๊บจะปรึกษาและขอคำแนะนำกับคุณแม่ ทั้งเรื่องการเรียน รวมถึงเรื่องส่วนตัว แต่ในส่วนเรื่องการตัดสินใจ คุณแม่จะให้เราตัดสินใจด้วยตนเอง ท่านจะคอยดูอยู่ห่างๆ ท่านมักจะบินไปเยี่ยมทุกๆ 3-4 เดือน มาแต่ละครั้งก็จะทำอาหารไทยให้ทาน รวมถึงสอนทำอาหารที่เราชอบเผื่อไว้ทำทานเองตอนที่คุณแม่ไม่อยู่"

หากพูดถึงเรื่องการเรียน รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เล่าว่า "คุณแม่มีส่วนสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้กดดัน หรือคาดหวังอะไรมากจะเน้นให้คำแนะนำมากกว่า เรียกว่า ปรึกษาคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะอยากเรียนอะไรหรือสนใจด้านไหน คุณแม่จะมีคำแนะนำให้อยู่เสมอ ที่สำคัญคือ จิ๊บและคุณแม่เรียนอยู่คณะเดียวกัน คือ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสมือนเราสองคนแม่ลูกเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเลย จิ๊บคิดว่าถ้าทำในสิ่งที่เราชอบ เรียนให้ได้ดีเท่านี้คุณแม่ก็จะภูมิใจค่ะ

ในเรื่องของการทำงานคุณแม่มีส่วนให้คำปรึกษาอยู่เสมอ และรวมกับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าเราจะทำอะไรท่านจะคอยสนับสนุน คอยเป็นหลัก เป็นที่พึ่ง และมักจะเตือนเสมอ ว่าให้มีสติและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ภายหลังมาท่านก็แอบมีห่วงๆ ในเรื่องการทำงานบ้าง แต่คุณแม่ก็ยังอยากปล่อยให้เราตัดสินใจเอง


สำหรับวันแม่ปีนี้ จิ๊บอยากให้คุณแม่ดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อที่จะอยู่กับเราไปนานๆ และอยากบอกกับคุณแม่ของทุกๆ คนด้วย ว่ารักษาสุขภาพ รักและก็เป็นห่วงคุณแม่"

อย่างไรก็ตาม แม้การเลี้ยงดูของแม่ทั้งสองคนจะต่างกัน แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาเหมือนกัน ก็คือ ความรัก ความห่วงใย รวมถึงคำสั่งสอนที่ช่วยเป็นแรงผลักดันให้นักการเมืองรุ่นใหม่ทั้งสองท่านประสบความสำเร็จ และมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ตามรอยคำกล่าวที่ว่า 'เบื้องหลังทุกความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีสุภาพสตรีอยู่เบื้องหลัง' ในที่นี้ "แม่" ก็คือ สุภาพสตรีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกที่เกิดขึ้น