ภายในระยะเวลาเพียงปีเศษ หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประชาคมโลก ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกตะวันตก ที่ดำเนินมาเป็นเวลาช้านานในยุคสงครามเย็น กลายเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ในขณะที่สหรัฐอเมริกาลดความสัมพันธ์กับไทย ทั้งทางการทูตและการทหาร

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน กลับมีความใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นการเดินทางเยือนไทย ของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เมื่อเดือนธันวาคม 2557 การเจรจาทำความตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการรถไฟ เชื่อมโยงระหว่างจีนกับไทย และความต้องการของกองทัพเรือไทย ที่จะซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ 3.6 หมื่นล้านบาท

ความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนกับไทยเป็นเรื่องที่ดี ถ้าตั้งอยู่บนประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่มีเสียงเตือนว่ารัฐบาลไทยจะต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง จากคุนหมิง–หนองคาย–แหลมฉบัง 1,300 กม. ซึ่งไทยจะต้องเป็นผู้ลงทุน ด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงจากจีน 4 แสนล้านบาท จะได้รับประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่?

เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับโลกตะวันตก รัฐบาล คสช.ซึ่งมาจากรัฐประหารจึงอาจต้องการความเข้าอกเข้าใจจากมหาอำนาจ จึงพยายามมีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน แต่อาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้ เช่นการส่งผู้อพยพอุยกูร์ 109 คน กลับประเทศจีน นำไปสู่การประณามทั้งจากสห ประชาชาติ สหรัฐฯและสหภาพยุโรป เข้าทำนองเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งแต่กระดูกแขวนคอ

รัฐบาลชุดก่อนเคยออกข่าว ทำสัญญาขายข้าวให้จีนหลายล้านตัน แบบรัฐต่อรัฐ แต่ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่าไม่มีการซื้อ ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และเป็นคดีความอยู่ในขณะนี้ ส่วนในรัฐบาลปัจจุบัน ฝ่ายไทยเสนอวิธีการค้า แบบ “ข้าวแลกรถไฟ” แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จีนอาจซื้อข้าวไทยบ้าง แต่ไม่มากพอที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูง

...

รัฐบาลไทยอาจจะสบายอกสบายใจ เมื่อมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมหาอำนาจอย่างจีนเพื่อชดเชยความสัมพันธ์อันดีกับโลกตะวันตก แต่ก็จะต้องเดินด้วยความระมัดระวัง และยึดประโยชน์สูงสุดของชาติเป็นตัวตั้ง และน่าศึกษาว่าจีนกับพม่าเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ในยุคสงครามเย็น เมื่อรัฐบาลทหารพม่าถูกโลกตะวันตกคว่ำบาตร แต่ทำไมสัมพันธ์จีนกับพม่าขณะนี้จึงจืดจาง?

รัฐบาลจีนก็มีผลประโยชน์ของตนที่จะต้องปกป้อง จีนกำลังใช้การทูตทางเศรษฐกิจ เพื่อขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ แต่ขณะเดียวกันก็มีพิพาทดินแดนทะเลจีนใต้กับอาเซียนหลายประเทศ เช่นเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย การดำเนินความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างไทยกับจีน จึงต้องระมัดระวัง ไม่ให้กระทบสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอาเซียน.