นายกฯ” บอก อย่ากังวล ICAO ผ่าน หรือไม่ ยัน แก้ไขทุกอย่างแล้ว ย้ำ ฝนแล้งเพราะป่าถูกทำลาย แจง ช่วยเหลือ “เอสเอ็มอี” เท่ากันทั้งหมดไม่ได้ ถ้าทำได้หลอกลวง
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการแก้ปัญหาการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่า ความคืบหน้าของเรา คือ การเสนออนุมัติ แต่งตั้งปรับย้ายคนในกรมต่างๆ ขึ้นมา โดยกำลังพิจารณาอยู่ และตอนนี้มีคนเข้ามาบรรจุเริ่มทำงานได้แล้ว แต่ในเรื่องโครงสร้างที่ยั่งยืนเรากำลังทำอยู่ตรงนั้น เพราะมติ ครม.เดิมยังมีอยู่ต้องแก้ไขทีละอย่าง อย่างไรก็ตาม จะทำอย่างไรที่จะมีคนมาเพิ่ม ในคณะที่แยกออกมาในการดูแลสนามบินเครื่องบิน การบริการ และเส้นทางการบินที่เริ่มทำมาแล้ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า อย่าไปกังวลว่า เขาจะให้เราผ่านหรือไม่ และวันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อชี้แจงกับ ICAO และได้รับกำลังใจในการแก้ไขปัญหา และพร้อมได้รับความร่วมมือในเรื่องต่างๆ รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ก็เช่นกัน ขอให้อย่ากังวล เพราะมันเป็นปัญหาเดิม แต่เราแก้ทุกอย่าง ต้องมองตรงนี้ ว่า เราแก้ไขทุกอย่างแล้ว แต่เขาจะให้เราหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เราต้องช่วยกัน เมื่อเราทำแบบนี้ ก็กลับถูกโวยวาย ว่า ถูกทำให้ไม่มีรายได้ ก็ต้องมาคุยกันว่า จะทำอย่างไรกันต่อไป แล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปได้หรือ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ว่า เรากำลังมีมาตรการดูแล ซึ่งมีการบอกไว้นานแล้วว่า ฝนจะแล้ง และจะมีการหารือว่า จะมีมาตรการอย่างไร ในการช่วยเหลือเกษตรกร แต่เกษตรกรนั้นมี 2 อย่าง คือ คนที่เข้าใจกับไม่เข้าใจ หรือ พยายามไม่เข้าใจ ทั้งนี้ ตนเห็นใจเพราะเกษตรกรเป็นหนี้สิน จึงต้องสร้างความรับรู้ให้ถูกต้อง ในเมื่อฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนก็เห็นว่า มันแห้ง แต่หลายคนก็จะทำนาให้ได้ปีละ 2 ครั้ง และจะให้ตนไปหาน้ำจากที่ใด ก็ต้องเตรียมมาตรการว่า จะช่วยเหลืออย่างไร ทั้ง เตรียมการปลูกพืช หรือ หาอาชีพให้มีรายได้ คิดจนหัวจะผุอยู่นี่ สื่ออย่าเขียนให้เลวร้ายไปกว่าเดิม เพราะมันอยู่ที่ฝน สื่อฯ ต้องเขียนว่า ทำไมฝนถึงไม่ตก เพราะไม่มีป่า ป่าถูกทำลายไปกว่า 26 ล้านไร่ เคยเห็นภูเขาหัวโล้นที่ภาคเหนือ หรือไม่ สื่อต้องเขียนข่าวแบบนี้หรือคนสนใจ เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ทำอย่างเต็มที่ แต่จะให้ฟื้นป่าได้ทันในปีนี้ คงไม่ทัน มันก็จะแห้งแล้งอย่างในวันนี้ และวันหน้าอาจจะไม่มีฝนเลยก็ได้
...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนบังคับฝนไม่ได้ ทำฝนเทียมก็ไม่ตก เพราะไม่มีเมฆไม่มีความชื้น เพราะไม่มีป่า เราต้องสอนคนให้เข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะมา กำหนดว่า ต้องทำนาให้ได้ จะให้ทำอย่างไร ก็ต้องหามาตรการ แต่จะให้ขายได้ตามปกติคงยาก เพราะมีเกษตรกรอยู่ในวงจรกว่า 20 ล้านคน จะให้ชดเชยพื้นที่การเกษตรทั้งหมดทุกไร่ ตัวเลขกว่าแสนล้าน จะเอาเงินที่ไหน เพราะภาษีก็ยังไม่ได้เพิ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการประกอบการมีปัญหาในการส่งออก เพราะเราไม่ได้ปรับโครงสร้างสินค้าการเกษตร ให้มีมูลค้าสูงขึ้น ส่งแต่วัตถุดิบไปอย่างเดียว เหล่านี้ใครทำมา คราวหน้าให้ไปถามรัฐบาลอื่นด้วยว่า ทำอย่างนี้หรือไม่ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก อย่างเช่น ข้าวที่ปลูกกันหลายประเทศ รวมถึงยางพารา ซึ่งตนแก้ไขปัญหาให้หมด วันนี้จะมาบอกว่า ใช้งบประมาณสูง แต่นี่คือสิ่งที่ตนทำไว้ เพื่อวันหน้าจะได้ไม่มีเรื่องจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ด้านการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาระบบรถไฟ เรากู้เงินมีเป็นส่วนๆในแต่ละปี ไม่ผูกพันระยะยาว แต่ไม่ได้กู้เงินเหมือนกับที่เคยจะกู้ 2 ล้านๆ โดยตนใช้งบประมาณประจำปี โดยส่วนไหนที่จะกู้เร่งด่วนก็จะทำ เช่น น้ำ ที่มีการตั้งงบประมาณเพิ่มมา 4 หมื่นล้าน ที่จะต้องเร่งทำปีนี้ เขาเคยทำกันอย่างนี้ หรือไม่ วันหน้าของเหล่านี้ก็เป็นสมบัติของชาติ ทุกคนบอกว่า เป็นหนี้สิน แต่เป็นหนี้ที่เป็นสมบัติของแผ่นดิน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องหนี้สาธารณนั้นคณะทำงานได้เร่งแก้ไขปัญหา ถ้าไม่มีหนี้สินเก่าอยู่แล้ว ก็จะไม่ยุ่งอย่างวันนี้ ดังนั้น ต้องเชื่อมั่นว่าเราจะไม่ทำให้เสียหาย เพราะหนี้สาธารณะเรายังน้อยอยู่ แต่ถ้าไปเขียนว่า เราจะแบกหนี้ โดยเอาเงินที่ลงทุนมาหารด้วยคนทั้งหมด ประเทศไปไม่ได้แน่นอน แต่การเป็นหนี้ มันก็ต้องเป็นเพราะทุกคนร่วมกันใช้และร่วมกันกิน แต่เรื่องรถไฟตนก็ไม่ได้ไปรับเงินสักสลึง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ว่า ตนได้สั่งการไปแล้ว ในเรื่องการลดดอกเบื้ย จ่ายดอกเบื้ยของธนาคาร ซึ่งวันนี้รัฐบาลช่วยเหลือเอสเอ็มอีไปมากแล้ว แต่สื่อมวลชนบางแห่ง ไม่มีข้อมูล และเขียนออกมาในลักษณะ ว่า รัฐบาลไม่ดูแลเอสเอ็มอี ที่ผ่านมา เราใช้เงินไปเท่าไรแล้ว ทำไมจะไม่ดูแล โดยคนที่ให้ข่าว คือ พวกไม่ได้อยู่ในกรอบที่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งไม่มีศักยภาพและจะล้มละลาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เคยบอกแล้วว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี มี 4 อย่าง 1. ถ้าส่งออกไปต่างประเทศได้เราก็สนับสนุน 2. การขยายในประเทศ เช่น การเพิ่มสาขา 3. ประเภทที่เกือบจะล้ม 4 ประเภทที่ล้มไปแล้ว เพราะเงินทุนไม่มี แต่ยังมีศักยภาพ ทั้งหมดเหล่านี้เราให้การช่วยเหลือคนละอย่าง จะให้เท่ากันไม่ได้ ถ้าหากให้เท่ากันหมดก็ไม่ต้องมาเป็นนายกฯ มาเป็นรัฐมนตรี โดยที่ผ่านมา มีการให้กันแบบโครมๆ และมันก็ล้ม ซึ่งต้องทำให้อยู่ในกติกา ไม่ใช่เรียกร้องทุกอย่าง ใครจะทำให้ได้ ถ้าทำได้มันก็หลอกลวง