ช่วงนี้ผมเขียนถึงเรื่องท่องเที่ยวบ่อยๆ ก็อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยครับ เพราะธุรกิจท่องเที่ยวนี่แหละที่เปรียบเสมือนตัวยาสำคัญที่จะมารักษาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังป่วยให้มีอาการดีขึ้น
ย้อนไปในอดีตทุกครั้งที่เศรษฐกิจไทยซบเซาหรือหดตัว เราก็จะใช้การท่องเที่ยวเป็นพระเอกในการกระตุ้น ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง
มาถึงรัฐบาลนี้ผมก็เชื่อว่าท่านพยายามจะใช้ยาแก้หวัดแก้ไข้ยี่ห้อท่องเที่ยวเพื่อรักษาอาการป่วยของประเทศเช่นกัน สังเกตได้จากความพยายามเร่ง พยายามกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวทั้งภายนอกและภายในเป็นระยะๆ
มีทั้งโหมประโคมให้คนนอกมาเที่ยวบ้านเราควบคู่กันไปกับโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนไทยเที่ยวกันเองภายในประเทศ ตามโครงการ “ท่องเที่ยววิถีไทย” ที่ทราบกันอยู่แล้ว
โดยเฉพาะการที่จะให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศนั้น รัฐบาลนี้ได้ใช้มาตรการที่แหลมคมประการหนึ่ง...นั่นก็คือ ประกาศให้มีวันหยุด เพิ่มเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลอยู่เสมอๆ คนไทยจะได้ออกท่องเที่ยวใช้จ่ายเงิน ก่อให้เกิดความหมุนเวียนทางเศรษฐกิจตามตำราที่สอนกันไว้
ผมเองก็นึกว่าดีแล้ว ชอบแล้วเชียวนาในมาตรการทุกประการที่รัฐบาลดำเนินการ คงจะส่งผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่ๆ
อย่างทัวร์นอกเมื่อวันก่อนท่านอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ออกมาแถลงข่าวว่ายอดนักท่องเที่ยว 3 เดือนแรกทะลุเป้ากระจุย ทำให้คาดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้แน่นอน ในปี 2558 นี้
ผมยังหยิบมาเขียนแสดงความยินดีแต่ก็ฝากข้อสังเกตไว้ เพราะตัวเลขที่ทะลุขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นทัวร์จีน ที่ทราบกันแล้วว่ามีปัญหามาก
...
การที่เขามากันเยอะๆ เราจะได้กำไรหรือขาดทุนยังไม่รู้เลย
เมื่อวันวานนี้เองก็มีถ้อยแถลงจากท่านประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ออกมาอีกระลอกแต่ผลค่อนข้างจะไปคนละมุมกับที่ท่านอธิบดีกรมท่องเที่ยวกล่าวไว้
เพราะท่านคาดการณ์ว่ารายได้ท่องเที่ยวในปี 2558 น่าจะไม่ถึงเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี
อย่างเก่งก็จะได้ประมาณ 2 ล้านล้านบาทถ้วนๆเท่านั้น เพราะเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ดี นักท่องเที่ยวยุโรปลดฮวบเลย โดยเฉพาะรัสเซีย
ประกอบกับอีกไม่กี่วันพอหลังสงกรานต์ก็จะเป็นโลว์ซีซั่นแล้ว ควรจะต้องมีมาตรการกระตุ้นอย่างหนัก โดยเฉพาะการออกวีซ่าแบบ “มัลติเพิล” คือเข้าออกได้หลายครั้ง อาจจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงโลว์ซีซั่นได้พอสมควร
ก็ลองดูว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร...ที่แล้วมา วงการท่องเที่ยวเขาขอหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึก แต่รัฐบาลบอกว่ายังจำเป็นอยู่...ก็ไม่รู้ว่าในการที่เขาขอ “มัลติเพิล วีซ่า” คราวนี้รัฐบาลจะจัดการตามคำขอให้หรือไม่
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือการใช้นโยบายหยุดยาว หรือหยุดเพิ่มให้เป็นพิเศษอย่างปีนี้ก็กำหนดให้หยุดเพิ่มในช่วงฉัตรมงคล
ทำให้หยุดต่อเนื่องยาวถึง 4 วัน
ท่านประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ท่านบอกว่าแทนที่จะกระตุ้นไทยเที่ยวไทย กลับกลายเป็นส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวนอกมากกว่า
ส่งผลให้บริษัททัวร์เที่ยวนอกหรือที่เรียกว่า “เอาต์ บาวนด์” รายได้ดีไปตามๆกัน
ในประเด็นเดียวกันนี้ คุณ ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศคาดว่า ในช่วงมีนา-เมษา-พฤษภา ซึ่งมีวันหยุดยาวนี้ คนไทยจะไปเที่ยวนอกไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน โดยมีญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายอันดับแรก
คุณยุทธชัยบอกว่าจะลองประเมินผลวันหยุดยาวทั้งหมดอีกครั้งว่าจะมีผลต่อการท่องเที่ยวในประเทศแค่ไหน
จะได้ทบทวนกันใหม่ว่าวันหยุดเพิ่มควรจะมีอีกหรือไม่?
ผมเห็นด้วยเลยครับอยากให้ทบทวนมานานแล้ว...ในช่วงที่คนไทยอยู่ในภาวะอ่อนเปลี้ย เงินทองร่อยหรอ กำลังซื้อหดหายอย่างทุกวันนี้ต่อให้หยุดยาวแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็จะนอนอยู่บ้านมากกว่าครับ
เผลอๆจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมเอาเสียอีก เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพการผลิตของคนไทยและประเทศไทยลดลง เนื่องจากหยุดบ่อยๆจนคนขี้เกียจทำงาน
ไม่ไปเที่ยว ตจว. ยังพอว่า แต่ถ้าขี้เกียจทำงานเนี่ยจบเลยนะครับในการพัฒนาประเทศไทยในระยะต่อไป.
“ซูม”