ยอมรับความจริงซะเถอะ! ในยุคที่ผู้หญิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์กรธุรกิจใหญ่ๆมากมาย และกำลังภูมิใจกับสถานภาพใหม่ที่มีบทบาทในสังคมเทียบเท่าผู้ชาย! แท้จริงแล้วผู้หญิงทำงานอย่างพวกเราไม่มีทางได้ทุกอย่างที่ต้องการหรอก แม้เราจะพยายามพร่ำบอกตัวเองว่าฉันเอาอยู่!! ถึงฉันจะทำงานนอกบ้านงกๆๆ แต่ฉันก็ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ภรรยาและแม่ที่ดีของลูก
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ผู้นำหญิงโลก และซีอีโอหญิงระดับแถวหน้าของโลกหลายคน รวมถึงซีอีโอหญิงทรงอิทธิพลที่สุดของวงการน้ำอัดลม “อินทรา นูยี” ผู้กุมบังเหียนเป๊ปซี่โค ซึ่งแต่งงานอยู่กินกับสามีมา 36 ปี และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ออกมา ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าผู้หญิงไม่มีทางได้ทุกอย่างที่ต้องการ! ขอให้หยุดความพยายามที่จะฝืนความจริงและ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว เพราะการพยายามควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกำมือ จะทำให้ผู้หญิงเราสติแตกได้ง่ายๆ และสุดท้ายก็ไม่สามารถเอาดีได้สักอย่าง
“ฉันทำงานหนักมาตลอด และกลับบ้านดึกดื่นเที่ยงคืนทุกวัน แต่มีอยู่คืนหนึ่งขณะเคลียร์งานดึกที่ออฟฟิศ ซีอีโอของเป๊ปซี่โคยุคนั้นก็โทร.มาแจ้งข่าวดีว่า ฉันได้รับโปรโมตเป็นประธานกรรมการบริษัทเป๊ปซี่โค โอ้โห! ฉันตื่นเต้นดีใจมาก และบึ่งรถกลับบ้านทันทีเพื่อบอกข่าวดีกับครอบครัว วันนั้นฉันกลับถึงบ้านสี่ทุ่ม ซึ่งถือว่าเร็วกว่าปกติมาก เจอหน้าแม่เป็นคนแรก ฉันบอกแม่ด้วยเสียงสดใสว่า หนูมีข่าวดี! ท่านไม่ถามสักคำ และพูดเรียบๆว่าข่าวดีเอาไว้ก่อน ตอนนี้ลูกช่วยไปซื้อนมให้สักขวดเถอะ ฉันรู้สึกฉุน! เพราะเห็นสามีนั่งเฉยๆ เลยถามแม่ว่า ทำไมไม่ใช้ลูกเขยไปซื้อนม แม่ตอบสั้นๆว่าไม่ทันนึก! แล้วก็ไล่ให้ฉันออกไปซื้อนมมาทำอาหารเช้า หลังซื้อนมเสร็จ ฉันตั้งหลักใหม่ บอกแม่เสียงดี๊ด๊าว่า หนูได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานบริษัทล่ะ! รู้ไหมท่านพูดกับฉันว่าไง ท่านมองหน้าและพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า ฟังนะลูก ถึงลูกจะเป็นประธานบริษัทเป๊ปซี่โค แต่เมื่อลูกก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ลูกก็คือลูกสาวของแม่ เป็นภรรยาของสามี เป็นลูกสะใภ้ของแม่ผัว และเป็นแม่ของลูก ไม่มีใครจะมาทำหน้าที่แทนลูกได้ โยนหัวโขนพวกนี้ทิ้งไปเลย ในบ้านนี้ไม่มีใครสนใจหรอก”
...
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการยอมรับความจริง ในฐานะผู้หญิงทำงานยุคมือก็ไกวดาบก็แกว่งคือ คำสารภาพผิดของหญิงเก่งอีกคนในวงการไอทีและดิจิตอล “แคธารีน ซาเลสกี้” ผู้ปฏิวัติรูปแบบการทำงานของเวิร์กกิ้งมัมยุคใหม่ให้สามารถทำงานจากที่บ้าน ผ่านการก่อตั้งเว็บไซต์จัดหางานไฮเทค PowerToFly เพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงทำงานทั่วโลกได้ทำหน้าที่แม่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะเดียวกัน ก็สามารถใช้ทักษะความสามารถในการทำงานเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
“แคธารีน” ยอมรับว่า รู้สึกอับอายมาก และไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมตัวเองถึงใจดำได้ขนาดนั้น เมื่อหลายปีก่อนเธอเคยมอง “เวิร์กกิ้งมัม” ในแวดวงสื่อและธุรกิจไฮเทค ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และแอบดูหมิ่นดูแคลนว่าคงหาความก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ยาก เพราะมัวแต่พะวงกับการรับส่งลูกไปโรงเรียน ไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้อย่างเต็มที่ เธอเคยเห็นด้วยกับผู้บริหารหญิงบ้างานที่ตั้งกฎเหล็กว่า จะไม่รับผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้วเข้าทำงานเด็ดขาด เพราะเต็มไปด้วยภาระรุงรัง กว่าจะตาสว่างก็ตอนที่ตัวเองได้เป็นแม่คนจริงๆ ถึงได้รู้ว่าผู้หญิงที่ทั้งทำงานและเลี้ยงลูกด้วยตนเอง เป็นซุปเปอร์วูแมนเก่งที่สุดในโลก
อย่าปล่อยให้ถึงวันที่ผู้หญิงเราต้องเลือกระหว่างความก้าวหน้าในอาชีพการงานกับครอบครัวเลย! จะมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าเราเป็นผู้หญิงเก่งหาเงินได้เดือนละหลายแสน ทุ่มเททำงานหนักเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์กรใหญ่ๆ แต่สุดท้ายครอบครัวของเรากลับพังไม่เป็นท่า ถ้าเป็นเจ้าของกิจการร้อยล้านพันล้านก็อาจคุ้มเสี่ยงเพื่อแลกกับความมั่งคั่งของตัวเองและครอบครัว แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานแลกเงินเดือนจิ๊บๆอย่างพวกเรา ต้องระวังอย่างหนัก อย่าปล่อยให้ตัวเองติดกับดักความสำเร็จจอมปลอม.
มิสแซฟไฟร์