ผลโพลไม่เชื่อถือ ว่ามะกันเป็นกลาง พอใจที่รัฐบาลโต้

“ปณิธาน” จวกอุปทูตสหรัฐฯพบแดงอีสานมีวาระซ่อนเร้น อัด “แดเนียล”หวังจะเอาไปโม้พบคน 2-3 กลุ่ม ใช้เวลาคุยไม่กี่ ชั่วโมงก็สร้างปรองดองในประเทศสำเร็จ ไล่กลับไปทบทวนการทูตใหม่ “ขวัญชัย” รับ จนท.สถานทูตสหรัฐฯ ประสานมาจริง ปชป. ปูดมีคนจ้างล็อบบี้ยิสต์สัญชาติยุโรป-อเมริกาคอยให้ร้ายประเทศไทย โพลชี้คนไทยเชื่อพี่เบิ้มไม่เป็นกลาง พท.ออกตัว “บิ๊กตู่” ไปโคราชแดงไม่ป่วน แต่ไม่การันตีแก๊งอื่นสวมรอยก่อกวน กมธ.รธน.ปลอบผู้ตรวจการแผ่นดิน-กสม.ยุบรวมแกร่งขึ้น-อำนาจเพิ่ม “วัชระ” แฉ ผวจ.สุโขทัยร่อนคำสั่งให้ ขรก.ตบเท้าอวยพร “สมศักดิ์” จี้ มท.1 เช็กด่วน

จากกรณีกรรมธิการต่างประเทศ สนช.เตรียมเรียกนายแพทริค เมอร์ฟีย์ อุปทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศมาชี้แจงกรณีที่ระบุว่า จะให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาเดินสายพบแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานนั้น

“ปณิธาน” ไล่มะกันทบทวนการทูตใหม่

วันที่ 1 ก.พ. นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา จะเดินสายพบแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสาน ว่า การหาข่าวไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ การลงพื้นที่แบบเปิดเผย เหมือนต้องการสื่อสารจุดยืนอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองได้เหมือนกัน กฎอัยการศึกอย่างที่นายกฯบอกไม่ได้ใช้เต็มอัตราศึก ใช้เพราะต้องควบคุมแกนนำหัวรุนแรงที่ประกาศว่า ยกเลิกเมื่อไร เคลื่อนไหวทันที แสดงว่ายกเลิกเมื่อไรเอาคนปะทะกันแน่ พออีกฝ่ายหนึ่งมา อีกฝ่ายก็ต้องมา คราวนี้กลายเป็น 3 กลุ่ม คือคู่ขัดแย้ง และรัฐบาลโดยทหาร ยุ่งกันใหญ่ คิดว่ามาเมืองไทยไม่กี่ชั่วโมง คุยคน 2-3 กลุ่ม ไทยจะปรองดอง คนไทยรักกัน กลับไปสหรัฐฯบอกว่าภารกิจสำเร็จ มันไม่ใช่อย่างนั้น ตรงข้ามคนไทยทะเลาะกัน กลายเป็นบาดแผลในใจคนไทย ถือเป็นวิธีการทูตที่ล้มเหลว รู้ทั้งรู้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่ยังทำ เขาต้องกลับไปทบทวนการทูตใหม่

...

จนท.ทูตสหรัฐฯพับแผนพบแดงอีสาน

อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมีกำหนดการพบปะพูดคุยกับกลุ่มมวลชนภาคอีสานทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นคนเสื้อแดง ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังความคิดของมวลชน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางคริสตี้ เคนนีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ก็เคยเข้าไปรับทราบความเห็นประชาชนมาแล้ว แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาและทำให้ คสช.ไม่สบายใจ จึงทำให้กำหนดการพบกันดังกล่าวยกเลิกไป

อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยรายหนึ่งกล่าวว่า

ช่วงนี้อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดง ได้รับการประสานจากหน่วยงานความมั่นคง สั่งกำชับห้ามให้ข่าว หรือออกมาให้สัมภาษณ์แง่ลบต่อรัฐบาลและ คสช. ซึ่งพวกเราก็พร้อมปฏิบัติตามเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย จะหยุดพูดสักพัก เพราะพูดไปคนที่มีอำนาจก็ไม่สนใจรับฟัง เนื่องจากเขามีโรดแม็ปอยู่แล้ว

“ขวัญชัย” ปูดมะกันประสานมาจริง

นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ และแกนนำ นปช.ภาคอีสาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จากสถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ขอติดต่อพูดคุยกับตนจริง เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้พูดคุยเนื่องจากเข้ามาทำธุระที่กรุงเทพฯ และทหารขอร้องไม่ให้ให้ข่าวใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแสดงความเห็นกรณีที่เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯเข้ามาพูดคุย เพราะยังเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ และเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการเปิดสถานีวิทยุ “ชมรมคนรักอุดร” ที่เหลือเพียงให้ทหารอนุมัติเซ็นผ่านเท่านั้น

“วรชัย” พร้อมเข้าไปรายงานตัว

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ารายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 2 ก.พ.ว่า ไม่ได้กังวลอะไร พร้อมจะไปตามนัด เพราะสิ่งที่ตนพูดไปก็พูดด้วยความหวังดีต่อประเทศชาติ ไม่ได้พูดในลักษณะไปยุยง หรือไปปลุกระดมให้ใครไปต้าน คสช. เรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร หรือว่าการที่พูดไม่ตรงกับความคิดของผู้ที่มีอำนาจนั้นผิด เราก็เพียงแค่อยากให้เขาฟังเราบ้างเท่านั้นเอง

“อ๋อย” ให้ดูกติกาใหม่ตัวแปรสำคัญ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ตัวชี้วัดว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่ยืดเยื้อมานานจะสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่จะคุมสถานการณ์เฉพาะหน้านี้ได้หรือไม่ แต่อยู่ที่กฎกติกาที่กำลังสร้างขึ้นเป็นอย่างไรและมีผลอย่างไรมากกว่า หากกติกาออกมาเป็นประชาธิปไตยและเป็นธรรม ความขัดแย้งก็จะน้อยลง แต่ถ้ากติกาไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่เป็นธรรม ปัญหาก็จะ ตามมาอีก กลายเป็นแก้ไม่ตก ที่พูดนี้อาจฟังเป็นนามธรรมไปหน่อย พูดให้ง่ายๆอีกแบบหนึ่ง เมื่อมีกฎกติกาออกมาแล้ว ต้องดูว่ารัฐบาลภายใต้กติกานั้น สามารถแก้ปัญหาของประชาชนตามความต้องการของประชาชนได้หรือไม่ ถ้าแก้ได้และสอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ ปัญหาก็จะน้อยลง แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นปัญหาก็จะมากขึ้น ดังนั้นแทนที่จะให้ความสำคัญกับการควบคุมสถานการณ์ ผมคิดว่าผู้ที่มีหน้าที่น่าจะให้ความสนใจกับกฎกติกาที่กำลังถูกสร้างขึ้นจะเป็นประโยชน์กว่า”

พท.ชัวร์ “บิ๊กตู่” ไปโคราชแดงไม่ป่วน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางลงพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา วันที่ 2 ก.พ. เพื่อพบปะเกษตรกรและประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เชื่อว่าคงไม่มีการต่อต้านอะไร เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์มางานเกษตรซึ่งเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรในภาพรวม และเท่าที่ทราบไม่เห็นมีใครจะออกมาแสดงการต่อต้าน เพราะมีกฎอัยการศึกห้ามไว้อยู่ คนแสดงความเห็นได้ไม่เต็มที่

เมื่อถามว่า หากในวันงานมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์กังวลว่าจะถูกหลายฝ่ายมองว่าพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า พรรคเพื่อไทยอยากเห็นประเทศเดินหน้า ฉะนั้น การสร้างความวุ่นวายในฝั่งของคนเพื่อไทยและคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานไม่มีแน่นอน ตนมั่นใจอย่างนั้น ส่วนนอกเหนือจากนี้ไม่ทราบ เพราะต้องยอมรับว่าสังคมเรามีคนหลากหลาย

ปชป.แฉมีคนจ้างล็อบบี้ยิสต์บิดเบือน

นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยที่เห็นต่างเข้าปรับทัศนคติว่า นี่เป็นอีกเหตุผลที่รัฐบาลต้องคงกฎอัยการศึกไว้ เพราะประชาชนจับตาอยู่ว่าจะทำ อย่างไรเพื่อเดินไปสู่วันเลือกตั้งโดยไร้ความขัดแย้งเหมือนในอดีต จากที่สังคมวิจารณ์ในกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าแทรกแซงการเมืองไทย ตนได้เคยเข้าร่วมพบปะกับพรรคการเมืองระหว่างประเทศหลายครั้ง ซึ่งบรรดาตัวแทนต่างทราบกันดีว่า มีกระบวนการการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ทั้งในยุโรปและอเมริกา เพื่อนำเสนอ มุมมองอย่างผิดๆ บิดเบือนอยู่ แต่จากที่ได้พูดคุย ตัวแทนพรรคการเมือง ทั้งยุโรปและอเมริกาเข้าใจดีว่าสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างไร

วิป สนช.หนุนให้คงกฎอัยการศึก

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. กล่าวถึงกระแสข่าวที่ปรึกษา คสช.เตรียมเสนอหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่ายังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการเสนอจริงหรือไม่ อำนาจดังกล่าวเป็นเครื่องมือของ คสช.จะใช้หรือไม่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าคสช. ส่วนตัวเห็นว่ากฎอัยการศึกที่ใช้อยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อกวน และเป็นการมุ่งไปสู่การปฏิรูป การสร้างความปรองดอง และเป็นการป้องกันคลื่นใต้น้ำ ดังนั้น การคงกฎอัยการศึกไว้จึงเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในตอนนี้ ซึ่งต่างชาติอาจจะไม่เห็นด้วยกับกฎอัยการศึก เพราะเขาคิดตามรูปแบบ ตะวันตก ขณะเดียวกันการจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกกฎอัยการศึก โดยประกาศใช้ได้เป็นเรื่องๆไป ซึ่งส่วนนี้ไม่ต้องการการพิจารณาจากสนช. แต่เป็นดุลพินิจของหัวหน้า คสช.

“เสรี” ค้าน สปช.ล่าชื่อต้าน “แดเนียล”

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่สมาชิก สปช.เตรียมรวบรวมรายชื่อคัดค้านการกระทำของนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แทรกแซงกิจการการเมืองไทย ว่า คงมีการพูดคุยกัน ซึ่งถือเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ แต่สปช.ไม่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“ผมเห็นด้วยหากจะทำในนามส่วนตัว สามารถแสดงจุดยืนได้ แต่ถ้าดำเนินการในนามองค์กร สปช.ไม่สามารถทำได้ เพราะเรามีองค์กร และรัฐบาลที่รับผิดชอบเรื่องระหว่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการที่นายแดเนียล เข้ามาก้าวก่ายการบริหารงานในประเทศไทย” นายเสรีกล่าว

คนไทยไม่เชื่อสหรัฐฯเป็นกลาง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การเดินทางเยือนไทยของ ผช.รมต.ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา พบว่า ประชาชน ร้อยละ 22.56 ระบุว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญ รองลงมา ร้อยละ 21.52 ระบุว่า ไม่ให้ความสำคัญเลย ร้อยละ 20.40 ระบุว่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ร้อยละ 13.92 ระบุว่า ให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งในจำนวนผู้ที่ระบุว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญ-ให้ความสำคัญอย่างมาก ให้เหตุผลเพราะว่าเป็นการมาเยือนของประเทศมหาอำนาจโดยมองว่า การเมืองไทยน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งประเทศไทยน่าจะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงถึงสถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อคำกล่าวของ ผช.รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า “สหรัฐฯไม่เข้าข้างฝ่ายใดในการเมืองไทย” พบว่า ประชาชนร้อยละ 38.08 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 24.16 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ

คนไม่ห่วง จนท.ทูตนัดพบแดง

มาสเตอร์โพลเผยผลวิจัยเชิงสำรวจแกนนำชุมชน ประมาณ 1 ใน 3 ของแกนนำชุมชน ที่ถูกศึกษาระบุความรู้สึกกังวลว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจนำไปสู่การเกิดความขัดแย้งรุนแรงบานปลายได้อีก โดยเมื่อพิจารณาแยกรายประเด็นพบว่า กรณีผลการลงมติถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 69.3 ระบุไม่รู้สึกกังวล ร้อยละ 30.7 รู้สึกกังวล สำหรับกรณีการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้อยละ 65.9 ไม่รู้สึกกังวล ร้อยละ 34.1 ระบุรู้สึกกังวล

ส่วนกรณีการเดินทางลงพื้นที่พบแนวร่วมเสื้อแดงในภาคอีสานของคณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พบว่า ร้อยละ 64.9 ไม่รู้สึกกังวล ร้อยละ 35.1 ระบุรู้สึกกังวล กรณีการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งคืนประชาธิปไตยให้คนไทยของสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 66.5 ไม่รู้สึกกังวล ร้อยละ 33.5 ระบุรู้สึกกังวล และกรณีการออกมาแสดงท่าทีตอบโต้ประเทศสหรัฐอเมริกาของคนไทยในสังคม ร้อยละ 69.9 ไม่รู้สึกกังวล ขณะที่ร้อยละ 30.1 ระบุรู้สึกกังวล

พอใจท่าทีนายกฯโต้มะกัน

เมื่อสอบถามความพึงพอใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศที่ออกมาชี้แจงกรณีความห่วงใยของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 72.0 ระบุ พอใจค่อนข้างมาก-มาก ร้อยละ 24.3 ระบุพอใจมากที่สุด ร้อยละ 2.5 ระบุปานกลาง และร้อยละ 1.2 ระบุพอใจค่อนข้างน้อย-น้อย เมื่อสอบถามความคิดเห็นกรณีที่ คสช. มีการเชิญตัวอดีตนักการเมืองมาปรับทัศนคติ ว่าจะทำให้ยุติการเคลื่อนไหว และทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่นั้น ร้อยละ 78.4 เชื่อมั่นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยุติการเคลื่อนไหว และทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ส่วนร้อยละ 21.6 ระบุไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ร้อยละ 85.6 ระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไปก่อน ในขณะที่ร้อยละ 14.4 ระบุต้องการให้มีการเลือกตั้ง และให้ รัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน

ทหาร-บล็อกแดงรวมตัวพับนก

เมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง ที่คัดค้านการรัฐประหาร ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเคลื่อนไหวโดยนัดหมายมารวมตัวทำกิจกรรมพับนกเสรีภาพ ที่บริเวณสวนเบญจกิติ ย่านสุขุมวิท เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปในพื้นที่เพื่อเฝ้าจับตา ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดคนเสื้อแดงไม่สามารถทำกิจกรรมได้ เนื่องจาก รปภ.สวนเบญจกิติ นำโซ่มาคล้องประตูเข้าออก แจ้งว่าสวนถูกสั่งปิดชั่วคราว กลุ่มเสื้อแดงเห็นท่าไม่ดีจึงสลายตัวกลับ อย่างไรก็ตาม เรืออากาศตรีกรทอง สุนทรมนูกิจ อายุ 70 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อปรับทัศนคติและทำประวัติก่อนปล่อยตัวกลับไป

หนีไปโผล่แมคฯ-สวนลุมเจอล็อก

ต่อมา กลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มเดิมเดินทางไปรวมตัวกันอีกครั้งที่ร้านแมคโดนัลด์ ราชประสงค์ โดยมีนางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม เป็นแกนนำ ตำรวจสันติบาลจึงส่งชุดเจรจาเข้าไปขอร้องให้ยุติการทำกิจกรรมเนื่องจากถูกทหารจาก ม.พัน.1 ประสานมาสั่งห้ามจัดกิจกรรมนี้ กลุ่มเสื้อแดงจึงกระจายตัวกันแล้วไปรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 จากนั้นก็นำนกกระดาษสีแดงที่เตรียมมา นำไปวางที่สวนหย่อมหน้าประตูทางเข้าสวนลุม ตำรวจ สน.ลุมพินี จึงเข้าไปเชิญตัว น.ส.วลี ญาณะหงสา อายุประมาณ 50 ปีไปทำประวัติและปรับทัศนคติที่โรงพัก โดยมีทหารจาก พล.ม.2 มาร่วมสอบด้วย

ชี้ กสม.–ผู้ตรวจการฯยุบรวมแกร่งขึ้น