“กำไลหินสี” เอาไม่อยู่
ตามฟอร์มเฮี้ยวๆที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ก็ยอมรับตามตรงเลยว่า กำไลข้อมือเทรนด์ฮิตที่ลูกสาวซื้อให้ใส่เพราะเชื่อว่าหินสีจะทำให้อารมณ์เย็นลง แต่ไม่ได้ผล เพราะเจ้าตัวอารมณ์เสียแต่เช้า
ด้วยอาการหงุดหงิดใส่คำถาม “งี่เง่า” ของนักข่าว
ที่ดาหน้าซักไซ้ไล่ต้อนประเด็นร้อนว่าด้วยคิวถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
พูดกันยืดยาวก่อนสรุปสั้นๆ “ถึงจะสงสาร แต่ผิดคือผิด”
จริงๆเลยก็ว่ากันตามหลักการ ยังจับซิกสัญญาณอะไรชัดๆไม่ได้
ตามรูปการณ์ที่กระแสพลิกไปพลิกมา จากแต่เดิมราคาต่อรองไหลไปอยู่ฝั่ง
“ไม่ถอดถอน” ล้อสัญญาณแรกเริ่มที่ สนช.สายท็อปบูตอย่าง “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา ในฐานะที่ปรึกษา คสช. ออกมาประเมินเกมถอดถอนเป็นเรื่องยาก
เพราะ สนช.ไม่มีอำนาจ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว
และยังสำทับด้วยเสียงของ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่สะท้อนมุมมองส่วนตัวว่า ถ้าความผิดเพราะขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะไปถอดถอนย้อนหลังได้
สายตรง “บิ๊กบราเธอร์”คสช.ออกมาส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน สัญญาณถอดถอนอยู่ในระดับอ่อน โอกาสที่จะได้เสียงถึง 132 เสียง หรือ 3 ใน 5 ของ สนช. เป็นเรื่องยาก
กระตุกกระแสวิจารณ์ “เกี้ยเซียะ”
เรียกเสียงโห่จากฝ่ายต้าน “ทักษิณ” เซ็งแซ่
แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปวูบวาบ ภายหลังอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ตัดสินใจไม่เข้า ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการซักถามของ สนช. ขณะที่มติ สนช.ก็ไม่อนุญาตให้ทีมทนายชี้แจงแก้ต่างแทน
...
กระแสแหยงคำถามนอกสคริปต์ ราคาต่อรองพลิกมาอยู่ที่ฝ่าย “ถอดถอน” ทันที
ที่แน่ๆในสถานการณ์หลังพิงฝา โดนต้อนเข้า “ตาจน” สังเกตอาการคนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทย ทีมงานสายตรง “นายใหญ่” ต้องออกมาเปิดหน้าประคองเกมช่วยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
ไม่ให้โดนไล่ทุบอยู่ฝ่ายเดียว
ไล่ตั้งแต่คิวที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ พร้อมกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรค เพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ที่อ้างว่า มีการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทที่แสวงผลกำไร ขัดคุณสมบัติ ป.ป.ช.มาตั้งแต่ต้น
ตามจังหวะที่มวยมาตรฐานอย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ออกมาตั้งคำถามการทำงานของ ป.ป.ช.น่าเชื่อถือหรือไม่ กรณีที่ ป.ป.ช.เจาะจงวันลงมติกรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในกรณีทุจริตจำนำข้าว ก่อนการลงมติถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เพียง 2 วัน
เป็นการพยายามเพิ่มเติมเหตุผลข้ออ้างในการถอดถอนอดีตนายกฯหรือไม่
แม้แต่พวกที่หายหน้าหายตาไปนานอย่าง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.ไอซีที ก็ออกมาโยนคำถามกลับไปที่ สนช. ทำไมถึงไม่ยอมให้ ครม.ซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง เป็นผู้เข้าไปชี้แจงให้คำตอบ
แนวรบพรรคเพื่อไทย ลูกข่าย “ทักษิณ” ขยับกันพรึ่บพรั่บ
แต่ทั้งหมดทั้งปวง โดยปัจจัยชี้ขาดก็ยังเทน้ำหนักไปที่เสียงของ สนช.สายท็อปบูตที่ “กดปุ่ม” ได้
นั่นหมายถึงต้อง “ชั่งน้ำหนัก” ภายใต้เงื่อนไขแบบทหาร ระหว่าง “ถอดถอน” กับ “ไม่ถอดถอน”
มุมไหนอันตรายต่อความมั่นคงมากกว่า.
ทีมข่าวการเมือง