ชายวัย64เครียดจัดดูแลคนเดียวไม่ไหว

สลดส่งท้ายปีเก่า ฆ่าตัวตายยกครัว 5 ศพ ในตึกแถวเก่าย่านถนนอินทรพิทักษ์ ซอย 1 ฝั่งธนบุรี เผยเกิดจากความเครียดที่สะสมมานาน ทั้งมีสมาชิกครอบครัวป่วยและบางคนเป็นโรคประสาทต้องคอยรับส่งไป รพ. แถมไม่มีรายได้ คาด 1 ในสมาชิกใช้น้ำอัดลมผสมยาพิษกรอกปากทั้งหมด จนดับ 2 ราย ที่ชั้นล่าง ก่อนขึ้นไปผูกคอดับ อีก 3 ราย ที่ชั้นบน

เครียดสะสมฆ่าตัวตายยกครัว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 31 ธ.ค. ร.ต.ท.จักรพันธุ์ จิตต์แก้ว พงส.สน.บางยี่เรือ รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต 5 ราย ภายในตึกแถว 2 ชั้น เลขที่ 174 ถนนอินทรพิทักษ์ ซอย 1 แยก 2 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ฐาประวิชญ์ อินทะชัย ผกก.สน.บางยี่เรือ พ.ต.ท.อาสา แก่งพฤทธิ์ สวป.สน.บางยี่เรือ พ.ต.ท.วิชัย สนสกุล สว.สส.สน.บางยี่เรือ แพทย์นิติเวชฯ รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 ชั้นปลูกติดกันหลายหลัง ภายในชุมชนชาวจีนเก่า

บริเวณชั้นล่างพบศพนางเคี้ยมเตี้ยม แซ่ลิ้ม 89 ปี ถูกคลุมด้วยผ้านวมสีขาว นอนอยู่บนเตียง ข้างๆพบศพ น.ส.เพชรรัตน์ จารุพรรณกิจ 61 ปี ถูกคลุมด้วยผ้าห่มลายสกอตสีแดง-น้ำเงิน ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้และรื้อค้นทรัพย์สิน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณชั้น 2 พบศพผู้เสียชีวิตใช้เชือกไนลอนสีน้ำเงินผูกคออีก 3 ราย ที่ขื่อหน้าประตูห้องนอนทราบชื่อนายอนันต์ จารุพรรณกิจ อายุ 64 ปี น.ส.สุวรรณทิพย์ จารุพรรณกิจ อายุ 16 ปี ด.ช.อภิสิทธิ์ จารุพรรณกิจ อายุ 14 ปี ข้างๆพบเก้าอี้พลาสติกสีแดงล้มอยู่ 3 ตัว นอกจากนี้ ยังพบขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตร 2 ขวด ถูกเทใส่ปิ่นโตไปขวดครึ่ง คาดผู้ก่อเหตุใช้ผสมยาฆ่าแมลงให้สมาชิกในครอบครัวดื่มก่อนผูกคอเสียชีวิต เนื่องจากศพทั้งหมดมีปากและเล็บสีคล้ำคล้ายถูกสารพิษ

...

สอบสวนนางธนิดา รัตนธนากุล อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านทราบว่าผู้ตายทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน มีนางเคี้ยมเตี้ยม เป็นมารดาของนายอนันต์และ น.ส. เพชรรัตน์ ส่วน น.ส.สุวรรณทิพย์และ ด.ช.อภิสิทธิ์ เป็นบุตรของนายอนันต์ เช่าบ้านที่เกิดเหตุนานประมาณ 2 ปีครึ่ง ในราคาเดือนละ 7,500 บาท นายอนันต์ทำหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว มีอาชีพเปิดแผงขายสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ต่อมาได้เลิกขายของเนื่องจากนางเคี้ยมเตี้ยมป่วยต้องพาไปรักษาที่ รพ.ตากสินเป็นประจำ ประกอบกับ น.ส.เพชรรัตน์ป่วยมีอาการทางประสาทต้องขังไว้ในบ้านตลอดเวลา เนื่องจากชอบออกไปขโมยของที่ร้านสะดวกซื้อเป็นประจำ ทำให้นายอนันต์ต้องรับผิดชอบทุกอย่างทั้งส่ง ด.ช.อภิสิทธิ์ไปโรงเรียนและซื้อข้าวกล่องมาให้สมาชิกในครอบครัว ส่วนภรรยานายอนันต์ได้แยกกันอยู่เพราะนางเคี้ยมเตี้ยมมและ น.ส.เพชรรัตน์รังเกียจต้องแยกออกมาอยู่ที่บ้านย่านดอนเมือง คาดว่าเป็นเหตุทำให้เกิดความเครียดสะสมจน 1 ในสมาชิกครอบครัวตัดสินใจก่อเหตุสลด

“ก่อนเกิดเหตุไม่นานนายอนันต์ยังเคยปรับทุกข์ว่าต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปในวันที่ 1 ม.ค.ที่จะถึงนี้ เพราะต้องการย้ายที่อยู่ไปอยู่ใกล้ รพ.ตากสินเพื่อสามารถพานางเคี้ยมเตี้ยมไป รพ.ได้สะดวกและไม่ต้องห่วง น.ส.เพชรรัตน์ขณะพามารดาไปรักษา เพราะไม่ต้องเดินทางไกลใช้เวลานาน จนวันนี้เวลา 16.00 น. เจ้าของบ้านเดินทางมาตรวจบ้านเพื่อรับมอบบ้านคืน ก่อนพบประตูเหล็กหน้าบ้านถูกล็อกจึงต้องใช้กุญแจไขเข้าไปก่อนพบศพ” นางธนิดากล่าว

พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 เผยตำรวจไม่พบหลักฐานคนนอกเข้ามาก่อเหตุภายในบ้าน แต่มีข้อมูลบางอย่างที่น่าทำให้เชื่อว่าเหตุทั้งหมดมาจากความเครียดสะสมของสมาชิกในครอบครัว แต่ทั้งนี้ต้องรอผลพิสูจน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งแพทย์นิติเวชฯและกองพิสูจน์หลักฐาน ก่อนสรุปว่าเป็นเหตุฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม พร้อมเรียกญาติของผู้ตายมาสอบปากคำประกอบสำนวนเพื่อสรุปคดี

ต่อมานางอุไรวรรณ เสริมศักดิ์ อายุ 53 ปี ภรรยานายอนันต์ เดินทางมาที่เกิดเหตุเมื่อพบศพสามีและบุตรชายบุตรสาวทำให้เป็นลมล้มพับหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยปฐมพยาบาลจนฟื้นคืนสติ ก่อนให้ข้อมูลว่า ตนอยู่บ้านหลังเกิดเหตุไม่ได้เพราะแม่สามีกีดกันต้องหนีไปเช่าบ้านขายรองเท้าที่ตลาดดอนเมือง ที่ผ่านมาจะแวะเวียนมาตลอด และให้เงินใช้ทุกเดือน กระทั่งปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นายอนันต์เกิดความเครียดบ่นว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ต้องย้ายออกไปหาที่อยู่ใหม่ในราคาถูกกว่าที่เก่า อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดจนก่อเหตุดังกล่าว

มีรายงานเพิ่มเติมจากการตรวจค้นในห้องที่เกิดเหตุชั้น 2 พบจดหมายลาตายของนายอนันต์ หัวหน้าครอบครัว เขียนด้วยลายมือสรุปใจความว่า เครียดที่ไม่ได้ทำมาหากินเนื่องจากถูกไล่ที่จากเยาวราช ไม่สามารถขายของได้ และรู้สึกอับอายที่ต้องขอเงินภรรยาใช้ทั้งเดือน