คลองถม เป็นแหล่งขายของมือสองและของเก่า รวมทั้งอุปกรณ์รถยนต์ ประดับยนต์ รวมไปถึงของจิปาถะ เป็นย่านการค้าที่ตั้งอยู่ระหว่างถนนวรจักรและถนนเจริญกรุงกับเยาวราชมาแต่โบราณ ปัจจุบันตั้งอยู่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยมีถนน 9 เส้นทางตัดผ่านตลาดคลองถม ได้แก่ ถนนหลวง ถนนวรจักษ์ ถนนเจริญกรุง ถนนเสือป่า ถนนพลับพลาไชย ถนนมหาจักร ถนนยมราชสุขุม ถนนศรีธรรมธิราช และถนนเจ้าคำรพ
เดิมคลองถมนั้น มีชื่อเรียกกันว่า 'คลองสำเพ็ง' โดยมีปลายคลองด้านหนึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนปลายคลองอีกด้านหนึ่งมีทางออกไปสู่คลองมหานาค จนกระทั่งมีการตัดถนนเพิ่มขึ้น และทางการได้ลดจำนวนคลองใน กทม.ลง โดยเกิดขึ้นในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 จากนั้นได้มีการสร้างถนนขึ้นบริเวณคลองดังกล่าว ซึ่งมีการถมพื้นที่ด้วยขยะ ต่อมาได้ทำการแปรสภาพเป็นถนน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นมาแต่เดิม เรียกกันติดปากเรื่อยมาว่า 'คลองถม' จนถึงทุกวันนี้
ล่าสุด ทาง กทม. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและตำรวจนครบาล เข้าจัดระเบียบขอคืนพื้นที่ โดยมีคำสั่งจากมติที่ประชุมให้ผู้ค้าตลาดคลองถม ที่ขายบริเวณทางเท้า ถนน และผู้ค้าแผงลอย ให้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 27 ธ.ค. 57 โดยทาง กทม. จะร่วมกับการทางพิเศษฯ เพื่อเปิดพื้นที่ใต้ทางด่วนทั่วกรุงเทพฯ ให้ผู้ค้าจากคลองถม เข้าใช้บริเวณดังกล่าวขายของแทนพื้นที่เดิม ขณะที่พ่อค้าแม่ขายที่มีพื้นที่ค้าขายอย่างถูกต้อง แต่มีการต่อเติมบริเวณอาคารเหลื่อมล้ำเข้าพื้นที่บาทวิถี จนประชาชนละแวกนั้น แม้กระทั่งผู้ป่วยและญาติจาก รพ.กลาง ไม่สามารถใช้พื้นที่เพื่อสัญจรและจราจรได้
...
ย้ายแน่ 27 ธ.ค. 57 นี้! ไปขายใต้ทางด่วนทั่ว กทม.
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นอดีตผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เจ้าของฉายา 'มือปราบหูดำ' ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นการย้ายตลาดคลองถม ว่า ปัญหาที่ต้องย้ายตลาดคลองถม เกิดจากมีประชาชนเข้ามาร้องเรียน ทั้งการจราจรติดขัด ผู้อาศัยในบริเวณเข้าบ้านไม่ได้ มีสินค้าผิดกฎหมายเยอะ และสร้างสิ่งสกปรกไว้มากมาย และไม่ยอมทำความสะอาด โดยนโยบายนี้จัดทำร่วมกับกระทรวงมหาดไทย รัฐบาล และ กทม. ซึ่งเบื้องต้นมีการเรียกพ่อค้าแม่ค้ามาเจรจาตกลง ถึงกรณีการย้ายตลาดคลองถม ซึ่งทาง กทม.เองจะมีการประชาสัมพันธ์ และแจกใบปลิวให้กับกลุ่มผู้ค้าได้ทราบล่วงหน้า ว่าจะมีการขอคืนพื้นที่ และจะมีการจัดสรรสถานที่ให้กลุ่มเหล่านี้ได้ทำมาหากิน ซึ่งช่วงแรกอาจจะไม่สามารถปรับตัวได้ แต่สัก 2-3 สัปดาห์ น่าจะเป็นผลดีกับกลุ่มคนเหล่านี้เองด้วยซ้ำ
เบื้องต้นแบ่งผู้ค้าเป็น 3 กลุ่ม ในการเจรจา โดยกลุ่มแรกเป็นผู้ค้าตึกแถว มี 60 ราย ผู้ค้าแผงลอยที่อยู่ในมาตรการผ่อนปรน อีกกว่า 60 ราย และส่วนสุดท้ายคือ ห้ามขายเลยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 57 คือกลุ่มผู้ค้าบนทางเท้าและริมฟุตปาธกว่า 2,000 ราย ซึ่งตนได้มีการพูดคุยและเจรจากับผู้ค้าเรียบร้อยแล้ว และจะหารือกับการทางพิเศษ ในการจัดสรรสถานที่สำรองให้ผู้ค้าเข้าใช้บริการ ซึ่งพื้นที่เบื้องต้นคือ ใต้ทางด่วนทั่ว กทม. แต่เปิดให้ขายเฉพาะวันอาทิตย์ สถานีขนส่งสายใต้เก่า ตลาดท่าดินแดง ตลาดรัชดาภิเษก ตลาดห้างโซโห ตลาดธนบุรี และตลาดของบริษัท ไทรทอง พร็อบเพอตี้ จำกัด
...
นอกจากนี้ ตนจะมีการเรียกตัวแทนผู้ค้าถนน 9 สายรอบคลองถม ถนนละ 5 ราย รวม 45 ราย เพื่อเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจและข้อตกลงในการย้ายคลองถมในครั้งนี้ ขณะที่ผู้ค้าตึกแถว หรือแผงลอยที่อยู่ในส่วนของมาตรการผ่อนปรน จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้าง ที่ล้ำเข้ามาริมฟุตปาธและถนนออกให้หมด ก่อน 27 ธ.ค. 57
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดระเบียบขอคืนพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงการได้รับเงินใต้โต๊ะ และส่วยจากพ่อค้าแม่ค้า แต่ที่ทำเพราะต้องการคืนความสะดวกสบายให้แก่ผู้สัญจรไปมา และผู้ที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว ซึ่งมาตรการขอคืนพื้นที่ จะดำเนินการให้ทั่ว กทม. โดยวันที่ 5 ม.ค.58 จะดำเนินการกับผู้ค้าบริเวณอนุสาวรีย์ฯ และในวันที่ 15 ม.ค. 58 จะดำเนินการกับ ตลาดเมเจอร์ รัชโยธิน และเส้นสุขุมวิทตลอดสาย ตามแนวบีทีเอส โดยสั่งห้ามขายตามแนวฟุตปาธและถนน หากฝ่าฝืนจะยึดจองและสั่งปรับ 2,000 บาท
ความเดือดร้อนจากตลาดคลองถม!!
พนักงาน รพ.กลาง รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งสินค้าวางขายขวางการจราจรรอบ รพ. บางรายรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ จนรถฉุกเฉินของ รพ.ไม่สามารถสัญจรได้อย่างสะดวก แม้กระทั่งเปิดไซเรนขอทาง ก็ไม่ช่วยอะไร บางครั้งผู้ป่วยที่ต้องการเข้ามารับการรักษาใน รพ. ก็ได้รับความยากลำบากในการเข้ามาใช้บริการ ดังนั้น ตนเห็นว่าการที่ กทม. เข้ามาจัดระเบียบผู้ค้าย่านคลองถมนั้น ส่งผลดีต่อทั้งประชาชนที่อาศัยในบริเวณ และ รพ.กลาง โดยตรง ซึ่งจะเอื้ออำนวยความสะดวกให้เพิ่มมากขึ้น
...
ขณะที่ พนักงานรักษาความปลอดภัยรายหนึ่งของ รพ.กลาง ที่ทำงานมาได้กว่า 5 ปี เผยว่า ผู้ค้าย่านคลองถมชอบลักไก่ นำรถยนต์เข้ามาจอดใน รพ. โดยอ้างว่าจะเข้ามาพบผู้ป่วย หรือเข้ารับการรักษา นอกจากนี้ เคยมีผู้ค้าเข้ามาลักขโมยก๊อกน้ำ และสิ่งของใน รพ. แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับตัว และนำส่งตำรวจเพื่อดำเนินคดีได้ทันควัน ซึ่งตนมองว่า หากการเข้ามาจัดระเบียบพิ้นที่ครั้งนี้เกิดผลขึ้นจริง จะส่งผลด้านดีแก่รพ.โดยตรง เพราะจะสามารถสัญจรได้สะดวก รถฉุกเฉินก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น การเข้ามาใช้บริการของประชาขนก็จะสะดวกเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
"ปัญหาการจราจรบนถนน 9 เส้นทาง รอบตลาดคลองถม สะสมมานานกว่า 20 ปี แม้แต่รถฉุกเฉิน รพ.กลาง ยังไม่สามารถเข้าออกได้อย่างทันท่วงที บางครั้งใช้เวลานานกว่า 15 นาที กว่าจะแทรกมาในตัว รพ.ได้ เนื่องจากผู้ค้าวางสินค้ากีดขวางการจราจร ทั้งริมถนน บนฟุตปาธ บางรายปิดทางเข้า รพ. แล้วชีวิตผู้ป่วย หรือคนเจ็บ จะทำอย่างไร" อีกหนึ่งเสียงของญาติผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการที่ รพ.กลาง
เสียงจากผู้ค้าย่านคลองถม กรณีสั่งย้ายตลาด
...
แม่ค้าขายกล่องพลาสติก ตลาดคลองถม ที่ขายมานานกว่า 20 ปี แสดงความเห็นกรณีที่ กทม. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและตำรวจนครบาล ขอเข้าคืนพื้นที่ตลาดคลองถม ว่า ตนขายของนานหลายสิบปี เลี้ยงดูลูกและครอบครัวมาได้ก็เพราะตลาดแห่งนี้ อยู่ๆ จะมาให้ย้ายก็ไม่สามารถปรับตัวทัน โดยรอบแรกทางผู้ค้ากับทาง กทม. มีการตกลงกันว่าจะให้เจอคนละครึ่งทาง โดยให้พ่อค้าแม่ค้าขายเฉพาะริมฟุตปาธ และเปิดถนนโดยรอบ ซี่งก็สามารถตกลงกันด้วยดี แต่ล่าสุด อยู่ดีๆ ทาง กทม. ก็ประกาศจะให้ยกเลิกการขายและจัดสถานที่อื่นให้แทน โดยตนเห็นว่า สถานที่แห่งนี้ ใครๆ ก็มาเดิน สร้างรายได้ให้กับคนหลายพันชีวิต อยู่ดีๆ จะมาให้ย้าย ก็คงต้องคุยกัน ซึ่งล่าสุดตนและผู้ค้ารายอื่น จะเข้าไปคุยกับทาง กทม. ในอาทิตย์นี้ เพื่อหาข้อสรุป โดยตนและผู้ค้ารายอื่นจะขอยอมทำทุกอย่าง อาทิ ให้ยกเลิกขายบนถนน แต่ให้จัดระเบียบขายสองฝั่งริมฟุตปาธก็ได้ พร้อมจะทำความสะอาดถนนให้ตลอด เพื่อแลกกับการยกเลิกตลาดคลองถม
"ขายมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ให้เปิดถนนมีรถสัญจรได้ หรือจะให้ขึ้นไปขายบนฟุตปาธเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่อย่าให้ย้ายเลย มันกระทบรายได้หลายพันชีวิต" เสียงสะท้อนจากแม่ค้าย่านคลองถม
อิทธิพล-ส่วย จ่ายทุกเดือนกว่า 20 หน่วยงาน!!
แม่ค้าในย่านคลองถม เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ถึงอิทธิพลของเจ้าหน้าที่รัฐและการจ่ายส่วย ว่า ทุกวันนี้มีการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทศกิจ และ กทม. โดยมีหลายหน่วยงานย่อยที่เข้ามาเก็บ ซึ่ง ผู้ค้าจะจ่ายให้หน่วยงานละ 1,000-2,000 บาท รวมแล้วตกเดือนละ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ การเก็บส่วยนั้นจะไม่มีในรูปแบบของเจ้าหน้าที่ แต่จะเป็นคนธรรมดา ซึ่งมีเครือข่ายโยงไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ และจะมีการหักเปอร์เซ็นต์กันเอง ระหว่างคนเก็บและเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ หากร้านค้าไหนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมหุ้นด้วย หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเจ้าของก็จะไม่ต้องจ่ายส่วย และได้อภิสิทธิ์หลายอย่าง อาทิ ได้ขายของละเมิดลิขสิทธิ์ ซีดีผี เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับการ ยังมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการคุมสินค้าในตลาดคลองถม โดยเป็นเสมือนเกราะป้องกันให้ ซึ่งจะต้องมีการจ่ายส่วย โดยผู้บังคับการรายนี้ จะมีเครือข่ายกับร้านซีดีผีในคลองถม ซึ่งในการสังเกตว่าร้านซีดีไหนเป็นเครือข่ายของใคร ให้ดูจากสีผ้าปูโต๊ะ หรือป้ายหน้าร้าน เพราะถ้ามีสีเดียวกันก็จะเป็นเจ้าของเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นสีชมพู และสีน้ำเงิน ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มอิทธิพลในตลาดคลองถม ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับการรู้เห็น และเป็นหุ้นลมในร้านดังกล่าวด้วย
ถ้าไม่จ่ายส่วย จะโดนกลั่นแกล้ง!?
แม่ค้าในย่านคลองถม เผยอย่างถึงพริกถึงขิงกับประเด็นร้านค้าที่ไม่ยอมจ่ายส่วยว่า ร้านค้าบางรายที่ไม่จ่ายส่วย จะโดนกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือกลุ่มผู้ตรวจสินค้าลิขสิทธิ์ ขณะที่เคยมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามาตรวจค้นร้านค้าที่ไม่จ่ายส่วย พร้อมทั้งยึดสินค้า และสั่งปิดร้านในเวลานั้นทันที โดยให้ไปเคลียร์ที่โรงพัก หรือสถานีตำรวจ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะมีการพูดคุย ตกลงกันกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีลักษณะให้จ่ายเงินเป็นค่าปรับประมาณ 10,000-20,000 บาท และเมื่อจ่ายแล้วจะให้นำสินค้ากลับมาขายที่ร้านค้าได้เหมือนเดิม ซึ่งแม่ค้ารายนี้บอกว่า ลักษณะดังกล่าวก็เหมือนกับการจ่ายส่วย เพราะไม่มีใบเสร็จออกให้ว่าเสียค่าปรับในเรื่องอะไร
ขอยึดสินค้า สร้างผลงาน!!?!!
แม่ค้าอีกรายที่ค้าขายในคลองถม มากว่า 20 ปี เผยว่า ตนขายของจนรู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจ กทม. และเทศกิจ อย่างกว้างขวาง และสนิทสนมกัน สามารถต่อรองได้หลายเรื่อง ซึ่งทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะไม่ได้มาเก็บส่วย เพราะมีตัวแทน หรือลูกน้องมาเก็บอยู่แล้ว แต่จะเข้ามาเพื่อตกลงกับพ่อค้าแม่ขาย ว่าตนจะขอยึดสินค้าเพื่อสร้างผลงาน โดยพฤติกรรมลักษณะนี้ มีทั้งผู้ตรวจลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กทม. ซึ่งส่วนใหญ่ที่ยึดไป ก็เป็นเสมือนเป็นส่วยใต้โต๊ะไปในตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าว พ่อค้าแม่ขายจะยอมตกลง เพราะต้องพึ่งพาอาศัยกัน
แม่ค้ารายนี้ เผยต่อว่า การที่ผู้ค้าจะขายสินค้าผิดกฎหมาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ จะปฏิเสธการรู้เห็นไม่ได้ เนื่องจากทุกวันนี้ใครๆ ก็รู้ว่าตลาดคลองถม เป็นตลาดขายของละเมิดลิขสิทธิ์ 'ตำรวจไม่ได้ตาบอด หูหนวก' ซึ่งถ้าเข้ามาก็เห็นเลย แต่เพียงแค่มันมีการจ่ายส่วย มีใต้โต๊ะ รวมถึงมีอิทธิคุมอยู่ เลยไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเข้ามาตรวจจับ เพราะรู้เห็นกันหมด
1 ปี ขอทำผลงานสักครั้ง
แม่ค้าขายเสื้อผ้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อยู่คู่กับตลาดคลองถม มาร่วม 10 ปี เผยว่า ในทุกๆปี จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทศกิจ และ กทม. เข้ามาขอความร่วมมือในการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และแผ่นผีซีดีเถื่อน โดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งกับกลุ่มอิทธิพลในตลาด ว่าจะมาในช่วงวันและเวลาไหน ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึง ก็จะดำเนินการจับกุมร้านค้าที่ตั้งขายโดยทันที ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อตำรวจมาถึงสถานที่ จะมีคนคอยบอก และพ่อค้าแม่ขายจะรีบเก็บของ ปิดร้าน ทำเสมือนตลาดนี้ไม่มีคนขาย แต่ก็จะมีบางรายที่เก็บของไม่ทัน และถูกดำเนินคดี โดยให้ไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก ถ้าครั้งไหนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้น้อย ก็จะมาถ่ายรูปว่าตลาดเงียบ และมีการปิดรัานค้าหลายราย ทั้งที่ความจริงแล้ว ก่อนหน้านั้นก็สามารถเข้ามาตรวจค้นได้ตลอด แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รู้เห็นกันหมด ปล่อยปละละเลย
ด้าน นายจิรภัทร เทียมถนอม ผู้อาศัยในย่านตลาดคลองถม เผยว่า ตนรู้สึกดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดระเบียบรอบบริเวณ เพราะทุกวันนี้ได้รับผลกระทบมายาวนานกว่า 10 ปี ในเรื่องของการจราจร และการเข้าออกบริเวณบ้านเรือน อีกทั้งยังมีสิ่งสกปรกที่ทางผู้ค้าทิ้งร่องรอยไว้เกือบทุกครั้งที่มีการขายของ
"นอกจากนี้ ตนมองว่าถึงย้ายตลาดคลองถมไป ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ค้า เพราะเดี๋ยวก็มีคนไปซื้อขายกันเอง เหมือนปกติทุกวันนี้ แต่ช่วงแรกอาจจะปรับตัวยาก ทั้งนี้ ผู้ค้าควรนึกถึงส่วนรวมมากกว่าที่จะเอาแต่ผลประโยชน์ตนเองเป็นที่ตั้ง" นายจิรภัทร กล่าว
เปิดแหล่งการค้าใหม่ใต้ทางด่วน!
พี่มะ ผู้ดูแลบ้านหนังสือในลานกีฬาใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ มองว่า ลานกีฬาตรงนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 7 ไร่ จะจัดทำเป็นสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตนคิดว่าถ้ามีการย้ายคลองถมมาอยู่ตรงนี้ จะส่งผลให้ประชาชนในละแวกนี้เดือดร้อน เนื่องจากว่าที่ตรงนี้เป็นลานกิจกรรม ลานกีฬาให้คนมาออกกำลังกายกันเพื่อสุขภาพ ประชาชนแถวนี้คงไม่ยอมให้ทำแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการย้ายมาจริงๆ ตนคิดว่ามีคนมาเดินซื้อของแน่นอน เพราะว่าบริเวณนี้มีคนอาศัยค่อนข้างเยอะ สามารถจอดรถในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ หรือตามตรอกซอกซอยต่างๆ ได้
ขณะที่ แหล่งข่าวไม่ขอเปิดเผยชื่อ ย่านใต้ทางด่วนรามอินทรา เล่าว่า ถ้ามีการย้ายคลองถมมาอยู่ใต้ทางด่วนรามอินทรา คิดว่าคนเดินเยอะ เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดนัดเลียบทางด่วน คนหลั่งไหลกันมามากอยู่แล้ว ประกอบกับมีที่จอดรถใต้ทางด่วนด้วย ทำให้มีส่วนในการดึงดูดคนมาเดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจใต้ทางด่วนรามอินทรา พบการจัดงานสินค้าโอทอปจากหลายจังหวัด แต่ร้านจะปิดเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงา สำหรับยอดขายในวันธรรมดาที่ไม่มีตลาดนัดเลียบทางด่วน รายได้ค่อนข้างน้อย ถึงแม้ว่าจะมีที่ให้จอดรถก็ตาม ผู้ค้าจะอาศัยการออกงานเปิดบูธที่อื่นมากกว่า
ล่าสุด พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า จากเดิมได้อนุญาตให้ผู้ค้าขายได้ถึงสิ้นปี 2557 และจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนในวันที่ 3 ม.ค.2558 เป็นต้นไป ซึ่ง ทาง กทม. มีความเห็นใจกลุ่มผู้ค้า จึงจะยืดระยะเวลาให้ผู้ค้าคลองถมต่อไปจนถึงต้นเดือน มี.ค.2558 อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาที่ผ่อนผัน ผู้ค้าจะต้องอยู่ในกรอบการจัดระเบียบ โดยจะต้องไม่สร้างผลกระทบกับโดยรวม และหลังจากนั้นจะอนุญาตให้ขายต่อที่เดิมหรือจะจัดหาสถานที่ใหม่ให้นั้นจะต้องหารือกันอีกครั้ง แต่คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.นี้น่าจะได้ข้อสรุป
เส้นทางตลาดคลองถม ที่มีประวัติยาวนานกว่า 30 ปี ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่รัฐขอคืนความสุขให้กับประชาชน โดยมีนโยบายขอคืนพื้นที่รอบบริเวณถนน 9 สาย ตัดผ่านตลาดคลองถม ซึ่งสร้างผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบ ทั้งเรื่องการจราจร สิ่งสกปรก และที่อยู่อาศัย การเข้ามาจัดระเบียบในครั้งนี้ หากเกิดผลสำเร็จ จะกลายเป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ท้าทายผลประโยชน์มหาศาลจากตลาดคลองถม