จากกรณีกลุ่มเครือข่ายคนไทยส่งเสริมและเติมเต็มพุทธบริษัทสี่ ตัวแทนเครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้า และขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือกับนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะวัฒนธรรม จริยธรรม และการศาสนา สภาปฏิรูปแห่ง ชาติ (สปช.) และนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อ เรียกร้องเกี่ยวกับมติมหาเถรสมาคม (มส.) ห้ามบวชภิกษุณีในประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเครือข่ายอ้างว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 ขณะที่สมาชิก สปช.บางคนเห็นว่ามติ มส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นกันนั้น

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า มติ มส.ผ่านการพิจารณาจากพระเถระชั้น ผู้ใหญ่ใน มส. และเห็นตรงกันว่าภิกษุณีในพระพุทธศาสนาเถรวาทนั้นขาดสายมายาวนาน ส่งผลให้ไม่มีภิกษุณีผู้ที่จะมาทำการอุปัชฌาย์ได้อย่าง ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จึงยืนยันว่า ภิกษุณีในสายเถรวาทขาดตอนไปแล้ว ขณะที่พระสงฆ์ไทยก็ไม่สามารถจะไปทำการบวชให้ได้ เพราะจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนพระธรรมวินัย

โฆษก พศ.กล่าวต่อว่า มติ มส.เป็นคนละประเด็นกันกับเรื่องสิทธิ มนุษยชน เพราะคณะสงฆ์ไทยไม่ได้ห้ามบวชภิกษุณี หากจะไปบวชมาจากประเทศอื่น นิกายอื่น ก็สามารถทำได้ และยังสามารถมาสร้างสถานที่เผยแผ่หลักคำสอนในประเทศไทยได้ แต่เรื่องภิกษุณีสายเถรวาทที่ขาดสายไปแล้วนั้น เป็นเรื่อง ของพระธรรมวินัย จะนำเรื่องหลักสิทธิมนุษยชนมาเกี่ยวข้องกับหลักพระธรรมวินัยไม่ได้ และที่อ้างว่าขัดหลักรัฐธรรมนูญในเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการนับถือศาสนา ขอชี้แจงว่า คณะสงฆ์ไม่ได้ห้ามในการนับถือศาสนา อย่างไร ก็ตาม หาก สปช.ให้ชี้แจง พศ.ก็พร้อมที่จะนำประกาศของกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ เรื่องห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิงเป็นบรรพชิต และมติ มส. เรื่องภิกษุณีเข้าชี้แจง.

...