ตำรวจสมุทรสาคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่ พร้อมเร่งช่วยแรงงานไทยถูกหลอกลงเรือประมง ก่อนอาศัยจังหวะกระโดดน้ำหนี 3 ราย แต่ขึ้นฝั่งมาเพียงรายเดียว...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2557 ที่ห้องประชุม บก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ในจังหวัดสมุทรสาครโดยมี พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ผกก.หัวหน้าสถานี พร้อมผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, จัดหางานจังหวัด, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจ ปคม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสมุทรสาคร เข้าร่วมสำหรับการประชุมในครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของแรงงานไทยที่ถูกหลอกลงเรือไปประเทศอินโดนีเซีย โดยมี นายเสาร์ ปัญญาวัน อายุ 43 ปี อดีตลูกเรือ ที่เคยถูกหลอกลงเรือประมง เข้าร่วม

โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวน จนทราบเบาะแสของนายหน้า และบริษัทเจ้าของเรือแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยจะมีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่จาก ปคม. สืบสวนขยายผลต่อเพื่อเชื่อมโยงให้ถึงต้นตอ

นอกจากนั้น ได้มี นายเยี่ยม วรโยธา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 ม.3 ต.สีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ที่มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557 ได้เดินทางมาสมัครงาน และมานั่งพักที่สวนสุขภาพศาลหลักเมืองสมุทรสาคร ขณะนั้นได้มีผู้หญิงวัยกลางคน มาชวนไปลงเรือ โดยบอกได้เงินดี จึงตัดสินใจไปและเขียนใบสมัครทำงานที่บ้านบริเวณท้ายตลาดมหาชัย โดยตกลงค่าจ้างวันละ 150 บาท จากนั้นก็ได้นั่งรถยนต์เก๋งสีเขียวไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน พร้อมพวกรวม 3 คน ไปที่ตำบลอ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพาไปขึ้นเรือประมงชื่อ เรือพงษ์สมบัติ 5 แล้วคนขับได้ขับเรือลำดังกล่าวออกไปในทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 3-4 กิโลเมตร และได้จอดเรือ พร้อมให้พวกตนขึ้นไปบนเรือพงษ์สมบัติ 3 ซึ่งตนและพวกก็ยินยอม

นายเยี่ยม เผยต่อว่า ขณะอยู่บนเรือ มีหน้าที่ทำงานทิ้งอวนและดึงอวนและตัดแยกปลา มีอาหารให้กินวันละ 2 มื้อ ซึ่งระหว่างอยู่บนเรือตนถูกหัวหน้าคนงาน ได้ใช้เท้าถีบหน้า 1 ครั้ง เนื่องจากเอามือเกาตาตุ่ม โดยพูดว่าเวลาทำงาน ก็คือทำงาน อย่าไปทำอย่างอื่น ส่วนเพื่อนคนงานบางรายก็ถูกตีด้วยไม้ไผ่ ไม่ให้กินข้าว จึงมีความรู้สึกว่า บนเรือมันทำงานโหดและหนัก ซึ่งตนอยู่บนเรือได้ประมาณ 10 วัน ตนกับพวกรวม 3 คน ก็กระโดดน้ำหลบหนี ว่ายขึ้นฝั่ง โดยใช้ขวดน้ำขนาด 2 ลิตร มาประคองตัวไว้ จากนั้นได้มีชาวบ้านชาวประมง ช่วยเหลือและได้เดินลัดป่า และมาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟท่ามะเม่า อ.อ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาลงที่สถานีปากท่อ ก่อนเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ช่วยติดตามหาเพื่อนอีก 2 คน ที่หลบหนีมาด้วยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้ไปที่ สภ.อ่าวน้อย ท้องที่เกิดเหตุ แต่ตนไม่ไป เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับไปลงเรืออีก จึงเดินทางมาที่สมุทรสาครพบกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ตั้งจุดตรวจบนถนนพระราม 2 จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงนำตนมาที่ศูนย์ดำรงธรรมสมุทรสาคร และนำเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อทำการสอบสวน โดยนายเยี่ยม มีความประสงค์ที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเพื่อนอีก 2 คนที่กระโดดน้ำหนีมาด้วยกัน พร้อมทั้งช่วยเหลือเพื่อนที่อยู่บนเรือ

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้สรุปว่า สำหรับเรื่องของ นายเยี่ยม ขณะนี้ได้นำตัว นายเยี่ยม ไปชี้จุดที่สวนสุขภาพหลักเมือง และที่เขียนใบสมัครงานแล้ว และจะได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวน สอบสวน หานายหน้าที่หลอกคนงานลงเรือและประสานกับตำรวจน้ำหาชื่อเรือ และเจ้าของเรือ นำคนที่ถูกหลอกทำงานมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด.

...