พม่า หรือ เมียนมาร์ เนื้อหอมขึ้นทุกวัน นักลงทุนใหญ่น้อยทั้งไทยและต่างชาติแห่เข้าไปลงทุนกันไม่ขาดสาย แม้จะรู้ว่ารัฐบาลเมียนมาร์ยังไม่เปิดเสรีในธุรกิจต่างๆ แต่ทุกคนก็วิ่งไปหาโอกาส ขณะที่ ประเทศไทย มีโอกาสมากมาย แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันกลับลดลงไปเรื่อยๆ ผลจาก การเมืองที่โกงกิน บิดเบือนกลไกตลาดทำลายการแข่งขันเสรี ทำลายความยุติธรรม ทำลายธรรมาภิบาลในบ้านเมือง

วันจันทร์หน้า รัฐบาลเมียนมาร์ จะเปิดประมูล โครงการก่อสร้างในเขตเศรษฐกิจพิเศษจ๊อกผิ่ว ทั้งสาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึก ฯลฯ

นอกจากนี้ นายอู มินท์ เทียน รองผู้อำนวยการ กระทรวงรถไฟ ในฐานะ ประธานบริษัท เมียนมาร์ จ๊อกผิ่ว เอสอีแซด โฮลดิ้ง มหาชน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเอกชนเพื่อบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษจ๊อกผิ่ว ยังประกาศที่จะขายหุ้นให้นักลงทุนทั่วไปในปลายปีนี้ในราคาหุ้นละ 10,000 จ๊าด ประมาณ 400 บาท เพื่อระดมทุนอีกด้วย หลังจากการเปิดประมูลก่อสร้างสาธารณูปโภค ที่อยู่อาศัย นิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึก เสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ การประมูลจะมีขึ้นในวันที่ 15 กันยายนนี้

แผนการพัฒนาประเทศเมียนมาร์ ต้องยอมรับว่าก้าวหน้าไปมาก และมีการ “วางแผนแม่บท” เป็นอย่างดี ควบคู่ไปกับ “กลยุทธ์การตลาดประเทศ” การเจาะลึกข้อมูลการลงทุนในเมียนมาร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย แทนที่จะไปหาเองเอาดาบหน้า

ผมไปร่วมเปิด สำนักงานตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิตสาขาย่างกุ้ง กับ คุณสาระ ล่ำซำ เมื่อต้นเดือนนี้ ได้มีโอกาสพบกับ ท่านทูตพิษณุ สุวรรณชฎ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง ท่านได้กรุณาเลี้ยงอาหารกลางวัน นำชมบ้านพักทูตอันสวยงามที่มีอายุเก่าแก่กว่า 125 ปี เป็นสถาปัตยกรรมทิวดอของอังกฤษ เนื้อที่ 7 ไร่ รัฐบาลไทยซื้อมาเมื่อ 66 ปีก่อนจากเศรษฐีอังกฤษในราคา 200,000 จ๊าด ประมาณ 8,000 บาท ในปัจจุบัน แต่มูลค่าที่ดินผืนนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท เพราะราคาที่ดินในเมียนมาร์แพงกว่าเมืองไทยมาก รัฐบาลห้ามซื้อขายให้เช่าอย่างเดียว แต่ที่ดินสถานทูตไทยซื้อมาก่อนกฎหมายมีผลบังคับ รัฐบาลไทยจึงยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่

...

เรื่องสำคัญที่ ท่านทูตพิษณุ เล่าให้ผมฟังและฝากมายังนักธุรกิจไทยก็คือ ท่านทูตได้จัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเมียนมาร์ Business Information Center–BIC” ขึ้นในสถานทูต เพื่อเป็นแหล่งข้อมูล ที่รวบรวมกฎระเบียบการค้าและการลงทุน ข่าวสารการเคลื่อนไหวทางธุรกิจในเมียนมาร์ เพื่อที่จะรักษาพื้นที่ทางเศรษฐกิจของไทยในเมียนมาร์ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันจากนักลงทุนชาติอื่น

ศูนย์ BIC จะมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ เพื่อให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการค้นคว้าข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไทย เป็นการช่วยสนับสนุนในเชิงรุกของสถานทูตไทยพม่าเพื่อช่วยภาคเอกชนรายเก่า ให้สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ และภาคเอกชนรายใหม่สามารถแสวงหาที่ยืนในตลาดเมียนมาร์

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเมียนมาร์ จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ที่จะถึงนี้ทางเว็บไซต์ www.thaibizmyanmar.com รวมทั้งให้บริการแจ้งข่าวสารเศรษฐกิจที่สำคัญในเมียนมาร์รายวันผ่านทางอีเมล ผู้สนใจสมัครใช้บริการได้โดยแจ้งอีเมลไปที่ www.thaibizmyanmar.com ก็จะได้รับข่าวสารทางอีเมลจากสถานทูตทุกวัน

ผมขอชื่นชม ท่านทูตพิษณุ สุวรรณชฎ เพราะ นี่คือหน้าที่ของทูตโดยตรง ที่จะต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศและของคนไทย แสวงโอกาสทางธุรกิจและปกป้องธุรกิจของคนไทยในต่างประเทศ ไม่ใช่ไปรับใช้นักการเมืองที่มาแล้วก็ไป เพราะประเทศไทยต้องอยู่นิรันดร์

วันนี้ต้องยอมรับว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจเมียนมาร์แข็งแกร่งมาก แม้จะเป็น “สีเทา” ก็ตาม ทุกโครงการต้องมีคนสำคัญในรัฐบาลถือหุ้นอยู่เบื้องหลัง แต่ก็เป็นสีเทาแบบวินๆ คือทำงานจริง ไม่กินแล้วลอยตัวเหมือนนักการเมืองไทย โครงการจะไปรอดไม่รอดไม่สนใจ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษจ๊อกผิ่ว ก็มีคนสำคัญในกระทรวงรถไฟถือหุ้นในบริษัทโฮลดิ้งร่วมกับเอกชน เพื่อบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษจ๊อกผิ่วแข่งกับถิละวา แต่“ทวาย” ผมว่าคงต้องรออีกอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป.

“ลม เปลี่ยนทิศ”