มหกรรมยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 "นานจิงเกมส์ 2014" รูดม่านปิดฉากแล้ว ที่นานจิง โอลิมปิก สปอร์ตเซ็นเตอร์ โดยเจ้าภาพจัดชุดการแสดงภายใต้แนวคิด “การเฉลิมฉลองของทั้ง5 ทวีปทั่วโลก” ขณะที่ ดร.ณัฐ อินทรปาณ เชื่อไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพอีก 8 ปีข้างหน้า...
28 ส.ค. มหกรรมกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 "นานจิงเกมส์" รูดม่านปิดฉากเรียบร้อยแล้ว ที่นานจิง โอลิมปิก สปอร์ตเซ็นเตอร์ โดยเจ้าภาพจัดชุดการแสดงภายใต้แนวคิด “การเฉลิมฉลองของทั้ง5 ทวีปทั่วโลก”, “เมืองแห่งเยาวชน” และ “พรุ่งนี้” ซึ่งสื่อถึงการเข้ามารวมกันของเหล่านักกีฬาเยาชนทั่วโลกก่อนก้าวไปสู่ในอนาคตต่อไป ใช้เวลาแสดงทั้งหมดราว 90 นาที ใช้นักแสดงทั้งหมดกว่า 2,300 คน ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 1,200 คน จะเป็นเยาวชนจากโรงเรียนภายในเมืองนานจิง พร้อมทั้งจะมี “เล่อเล่อ” แมสคอตประจำการแข่งขันออกมาในสนามกว่า 100 ตัว
นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสีเสียง และโชว์พลุดอกไม้ไฟ แต่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ มีการฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมพิธีปิดร่วมถ่ายภาพ “เซลฟี่” และฉายขึ้นจอขนาดใหญ่ในสนาม ไฮไลต์เป็นการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัว ”เส้าหลิน ถากั๋ว” กว่า 1,000 คน ที่ออกมาโชว์ศิลปะป้องกันตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของจีนอีกครั้ง หลังจากสร้างความประทับใจมาแล้วในพิธีเปิดการแข่งขัน
ส่วนเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ภายในหมู่บ้านนักกีฬา หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขัน คณะนักกีฬาไทยได้มาร่วมทำกิจกรรมที่บูธวัฒนธรรมไทย ซึ่งจัดเป็นวันสุดท้าย โดยโรงเรียนหนานจิง เฮล สคูล ร่วมกับคณะนักกีฬาไทยจัดขึ้น มีกิจกรรมมากมาย อาทิ การโชว์มวยไทย, รำไทย การละเล่นพื้นบ้าน โดย รศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต รองหัวหน้านักกีฬาไทย ที่ดูแลเรื่องนี้ กล่าวว่า ครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อน ซึ่งนักเรียนของจีน เตรียมข้อมูลไว้ครอบคลุม ทั้งโปสเตอร์, ของที่ระลึก รวมถึงการแสดงรำไทย และได้รับคำชมจาก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ว่าจัดได้อย่างดี และนักกีฬามาร่วมกิจกรรมเยอะ
...
รองหัวหน้านักกีฬาไทย กล่าวอีกว่า ชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาชมมากสุดคือชาติจากทวีปแอฟริกา ที่เข้ามาสอบถามข้อมูล ซึ่งชาติจากทวีปดังกล่าว ก็จัดกิจกรรมได้ดีไม่แพ้กัน พร้อมนำของรางวัลมาให้กับคนที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมาก และเป็นไปตามอุดมการณ์ของการแข่งขันที่ต้องการให้เยาวชนแต่ละชาติมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมลักษณะนี้ตนเคยเสนอให้จัดในมหกรรมกีฬาภายในประเทศมาแล้วแต่ยังไม่ได้รับความสนใจ แต่เมื่อกลับไปไทยจะเสนอให้ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 วันที่ 15-24 ม.ค.ปีหน้า จัดกิจกรรมดังกล่าว โดยให้สถาบันอุดมศึกษาแสดงจุดเด่นของแต่แห่งออกมา เพื่อไม่ให้มุ่งเน้นเพียงชัยชนะเพียงอย่างเดียว และเป็นต้นแบบให้กับมหกรรมกีฬาอื่นๆต่อไป
ส่วนการแข่งขันวิ่งรายการพิเศษ ผลัด 8x100 ม.ชาย ซึ่งเจ้าภาพจัดขึ้นให้เยาวชนได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ไม่นับเหรียญรางวัล โดยไทยส่ง "เจ้าโอ" วิทวัส ทุมชะ นักวิ่งข้ามรั้ว 400 ม.ชาย ลงแข่งขัน อยู่ร่วมทีมกับนักกีฬาจากหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น, โรมาเนีย, รัสเซีย, ตรินิแดดและโตเบโก, เวเนซูเอลา, ออสเตรเลีย, เยอรมัน และโคโมรอส รอบชิงชนะเลิศ วิทวัส อยู่ไม้ที่ 4 และพาทีมวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 เวลา 1.40.20 นาที คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนที่ 2 เวลา 1.41.39 นาที และที่ 3 เวลา 1.43.67 นาที
ด้าน ดร.ณัฐ อินทรปาณ ไอโอซีเมมเบอร์ เปิดเผยว่า ยูธโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ จีนจัดออกมาได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานไอโอซี โดยครั้งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้าจะเป็นหน้าที่ของอาร์เจนตินารับเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่กรุงบูเอโนส ไอเรส ระหว่างวันที่ 11-23 ก.ย. ปี ค.ศ.2018 สำหรับไทยในการเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์นั้น ส่วนตัวคิดว่าไทยมีความพร้อมในหลายด้าน และเคยเป็นเจ้าภาพจัดเกมใหญ่ๆ ระดับนานาชาติมาแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพหรือไม่ ซึ่งในอีก 8 ปีข้างหน้าเชื่อว่าไทยก็พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 4 ในปี 2022 ตามนโยบายไอโอซีเน้นให้เจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาแต่ละครั้งพยายามอย่าปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ขึ้นมา ทั้งสนามแข่งขัน และหมู่บ้านนักกีฬา เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องจัดออกมาให้ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตามหากไทยได้เป็นเจ้าภาพคิดว่าไทยมีสนามแข่งขัน และหมู่บ้านนักกีฬาเพียงพอ โดยเล็งเอาไว้ 2 แห่งคือ ศูนย์กีฬาภายใน ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่เคยใช้จัดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 และกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 24 มาแล้ว รวมถึง ศูนย์กีฬาภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ที่น่าจะใช้เป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันได้