ช่วงต้นปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทวิจัยข้อมูลดิจิตอล “โซเชียล อิงค์” เผยผลสำรวจจำนวนประชากรในเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั่วโลก พบว่า “เฟซบุ๊ก” เป็นสื่อที่มีผู้ใช้จำนวนมากที่สุดในโลก โดยประชากรเฟซบุ๊กแตะสูงถึง 1,191 ล้านคนไปแล้ว และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเครือข่ายยอดนิยมอื่นๆ จนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชีวิตประจำวันใน “โลกจริง” ของคนในยุคดิจิตอลมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับโลกออนไลน์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และปัจจัยที่ว่าได้นำไปสู่ปัญหาหรือข้อถกเถียงใหม่ๆ ตามมาด้วย
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้คือกรณีของ “แคเรน วิลเลียมส์” คุณแม่ชาวอเมริกันซึ่งสูญเสียลูกชายวัย 22 ปี “ลอเรน วิลเลียมส์” จากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์เมื่อปี 2548 พยายามเรียกร้องสิทธิในการเข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กลูกชายตัวเองซึ่งยังไม่ได้ถูกระงับไป เพราะต้องการเข้าไปดูข้อความ ภาพถ่าย และกิจกรรมของลอเรนย้อนหลัง แต่กฎหมายสหรัฐฯ ห้ามบุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลบัญชีออนไลน์ที่มิใช่ของตัวเอง
มิฉะนั้นจะเข้าข่ายกระทำผิดฐานจารกรรมข้อมูล ไม่เว้นแม้แต่กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ล่วงลับเป็นผู้บอกรหัสผ่านให้แก่คนในครอบครัวเอง ขณะที่เฟซบุ๊กปฏิเสธคำร้องของแคเรนโดยระบุว่าต้องปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของลอเรน รวมถึงข้อมูลของบุคคลอื่นๆ ที่เคยติดต่อกับลอเรน
ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อถกเถียงว่า แคเรน-ในฐานะที่เป็นแม่ของลอเรน-สมควรมีสิทธิ์จัดการ “สินทรัพย์ดิจิตอล” ของลูกชายที่ล่วงลับไปโดยไม่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นได้หรือไม่ ส่งผลให้คณะกรรมาธิการฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องนัดถกอย่างเป็นทางการเมื่อ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งยังได้หารือเผื่อถึงกรณีที่อาจมีคนดังในวงการต่างๆ เสียชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ข้อความ, บันทึก, ภาพถ่าย หรือบทสนทนาในโลกออนไลน์ของคนดังทั้งหลายมี “มูลค่า” ในโลกจริง จนอาจเกิดการแย่งชิงสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลบัญชีออนไลน์ของเหล่าคนดังในอนาคตอีกต่อหนึ่ง
...
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมาธิการฝ่ายกฎหมายฯ จะพิจารณาเป็นแนวทางก็คือการอนุมัติให้สมาชิกครอบครัวเจ้าของบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เสียชีวิตมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ล่วงลับได้ แต่ไม่มีสิทธิ์จัดการหรือส่งข้อมูลตอบโต้กับผู้มีรายชื่อติดต่อในบัญชี เว้นแต่จะมีพินัยกรรมยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าเจ้าของบัญชีฯมอบสิทธิ์ให้ใครเป็นผู้จัดการหลังจากตัวเองเสียชีวิต และอาจต้องผลักดันให้มี ก.ม.ในประเด็นดังกล่าวมาบังคับใช้ในภายหน้า.
ตติกานต์ เดชชพงศ