วันก่อนมีคดีที่น่าสนใจเมื่อตำรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี จับ 3 ผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ ประกอบด้วยนายฉัตรชาย ฉัตรอมรโชติกุล อายุ 49 ปี นายศรัณย์ แก้วเวียงเดช อายุ 51 ปี และนายพงศกร แก้วด่านจาก อายุ 22 ปี

ก่อคดีงัดบ้านนางนงลักษณ์ ธนจันทร์ดารา อายุ 58 ปี เจ้าของบริษัทนภัทร ชลบุรี ตัวแทนจำหน่ายยิปซัมบอร์ดและวัสดุตกแต่งบ้าน

ตั้งอยู่ในหมู่บ้านกรีนวิวบีช ถนนบางแสนสาย 4 เหนือ ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ได้ทรัพย์สินไปเป็นทองรูปพรรณ พระเครื่อง และเครื่องประดับ

มูลค่านับสิบล้านบาท

ตำรวจสืบสวนได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์มีคนมาติดต่อขอซื้อบ้านหลังเกิดเหตุที่นางนงลักษณ์ประกาศขายในราคา 20 ล้านบาท

คนร้ายไปขอดูบ้านและไปคุยกันที่สำนักงานที่ดินแต่ยังตกลงกันไม่ได้

วันเกิดเหตุคนร้ายโทรศัพท์ไปหานางนงลักษณ์ทำทีเป็นสอบถามเรื่องบ้าน นางนงลักษณ์เผลอบอกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้าน

คนร้ายได้โอกาสงัดบ้านเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินต่างๆ

ตำรวจได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถที่คนร้ายใช้ สืบสวนพบว่านายพงศกรเป็นเจ้าของ จึงเข้าจับกุมนายพงศกรเป็นคนแรก

สอบสวนได้ความว่าผู้ที่เช่ารถไปคือนายฉัตรชายและนายศรัณย์ติดตามจับทั้งคู่ได้

นายฉัตรชายหัวหน้าแก๊งมีประวัติเคยก่อคดีงัดตู้เซฟบริษัทบิวตี้เจมส์ เมื่อปี 2552 ได้เครื่องเพชรไปมูลค่า 60 ล้านบาท ถูกจับและถูกลงโทษจำคุก 10 ปี แต่ติดคุกจริง 2 ปี 6 เดือน

พฤติกรรมของโจรแก๊งนี้น่าสนใจเพราะตระเวนก่อเหตุโดยเลือกบ้านของคนมีฐานะ

เข้าไปติดต่อขอซื้อและขอดูสภาพบ้านเป็นการสำรวจช่องทางต่างๆ

จากนั้นก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้านหาจังหวะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่เข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน หรือบางครั้งก็ทำทีเป็นนัดหมายไปเจรจาซื้อขายที่สำนักงานที่ดิน

...

แล้วตลบหลัง!

ใช้โอกาสที่เจ้าของบ้านออกจากบ้าน ให้พรรคพวกร่วมแก๊งเข้ามางัดแงะลักทรัพย์สินในบ้าน

นับเป็นอีกเล่ห์เหลี่ยมของเหล่ามิจฉาชีพ

ดังนั้นการเปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าเข้ามาสำรวจบ้านไม่ใช่เรื่องปลอดภัย

อาจเป็นการเปิดช่องให้โจร.

“เพลิงมรกต”
pluengmorakot@thairath.co.th